โต๊ะจีน ตอนที่ 12


กะว่าจะอธิบายตัวบทหลักฐานที่เขานำมาอ้างอิงกรณีของ “โต๊ะจีน” แต่มีพี่น้องบางท่านส่งลิงค์มาให้อ่าน เลยถือโอกาสตอบคำถามและชี้แจงบทความที่พี่น้องส่งมาให้ไปในตัวดังนี้

เจ้าของบทความเรื่องโต๊ะจีนกล่าวว่า “หากสิ่งที่ผมเขียนมันไม่เหมือนกับที่ท่านทำ ใยท่านเดือดร้อนเล่า ไม่ต้องมาตอบโต้อะไรผมก็ได้ เสียเวลาท่านเปล่าๆ ให้คนที่เขาทำแบบผมว่านี้ มาตอบโต้ดีกว่า เพราะเขาคือผู้เสียหายและเดือดร้อนตัวจริง”

ขอชี้แจงว่า เริ่มแรกที่ท่านและหรือคณะของท่านได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่อง “โต๊ะจีน” นั้น ก็ไม่เคยจำแนกแยกแยะอะไรเลย ฟันธงลงฮุก่มกันอย่างเดียว อย่างมั่นอกมั่นใจซะด้วย แต่เมื่อเราเริ่มชี้แจงท่านก็ออกตัวว่า ท่านกล่าวถึงเรื่องโต๊ะจีนแบบธรรมดา หรือแบบสากล จนถึงขณะนี้ท่านกลับกล่าวว่า เราไม่ใช่ผู้เสียหายแล้วใยเดือดร้อน ทั้งๆที่ซากความเสียหายยังคงอยู่ แต่หาคนรับผิดชอบไม่ได้

ที่ผ่านมาผู้คนเข้าใจผิดต่อเราและองค์กรของเรา โดยเฉพาะถ้อยคำของท่านที่กล่าวว่า “สวนอิจมาอ์” ท่านยืนยันกระนั้นหรือว่า คำพูดนี้ ท่านไม่ได้หมายถึงเรา และผู้คนเข้าใจผิดทึกทักกันไปเอง

และถึงแม้ว่าท่านจะยืนยันว่าไม่ได้กล่าวถึงเรา แต่ความรับผอบชอบของเราที่มีต่อศาสนานั้น ทำให้เราจำต้องชี้แจงข้อผิดพลาดที่ท่านแสดงในเรื่องอิจมาอ์ในตอนที่ 10 และ 11 ทั้งนี้เพื่อให้ท่านได้ทบทวนแก้ไขจะได้ไม่นำเอาไปใช้ผิดๆ และผู้คนจะได้ไม่เข้าใจผิดในเจตนารมณ์ของศาสนาอีก

และเหตุที่เราต้องชี้แจงในเวลานี้ก็เนื่องจาก เราไม่เคยทราบมาก่อนว่าท่านใช้หลักฐานอะไรมาออกฮุก่ม แต่เมื่อเราทราบว่ามันไม่ถูกต้อง เราก็เริ่มทยอยชี้แจงเป็นลำดับไป

แต่เมื่อท่านออกตัวว่า ท่านไม่กล่าวถึงเรา หรือสื่อข้อความใดๆให้ผู้อ่านเข้าใจว่าคือเรา หากเป็นจริงเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ขอให้มีความจริงใจ ไม่ใช่พูดผ่านให้หวานหู ขณะที่ข้อความของท่านในบทความ ยังมีตอดเล็กตอดน้อย ทิ้งประเด็นให้คนเข้าใจผิดต่อเราอีก ดังข้อความของท่านในบทความเดียวกันนี้ว่า

“ส่วนโต๊ะจีนที่บางที่ทำ เขาไม่ยืนยันว่าเขาทำแบบไหน เพราะเขานำหลักการหลายข้อมาอ้าง เช่น การซื้อขายล่วงหน้า (อัซซะลัม) การสัญญาว่าจะซื้อ (อัลมุวาอะดะห์) การมัดจำ (อัลกุรบูน) เชิญให้มาทานอาหารพร้อมกับมีเงื่อนไขว่าโต๊ะสามพัน เป็นลักษณะว่าจ้างไปทำฮัจญ์ไปทำอุมเราห์ ท้ายสุดก็บอกว่า เป็นการซื้อขายลักษณะให้เวลาตัดสินใจ (อัลคิยาร) สรุปแล้วแปลว่าโต๊ะจีนที่เขาทำนั้น คือ "โต๊ะจีน" แบบรวมมิตร ยังไม่พอยังมีการอ้างอีกว่า หากกินแล้วไมพอใจคืนเงินได้อีก”

“จะเป็นผู้รู้หรือลูกศิษย์ก็แล้วแต่ ช่วยหน่อยได้ไหมครับ เลือกเอาหลักการสักข้อหนึ่งจากที่ท่านกล่าวอ้างมา จะได้ดูว่าสิ่งที่ท่านทำกับสิ่งที่ท่านอ้างนั้น เหมือนกันหรือไม่อย่างไร ในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่มีหรอกครับที่ธุรกรรมเดียวเป็นได้ทุกอย่างตาม ที่ท่านอ้าง ถ้าไม่เช่นนั้นก็ต้องยุบรวมธุรกรรมต่างๆ (สัญญาต่างๆ) ตามที่ศาสนากำหนดหรืออนุมัติให้เหลือธุระกรรมเดียว เสียเวลาแยกให้เป็นโน่นเป็นนี่ เช่น "อัซซะลัม" , "อัลคิยาร" , "อัลมุวาอะดะห์", "อัลอุรบูน" ,"อัลอิญาเราะห์ (เรื่องฮัจญ์และอุมเราะห์)" และ ฯลฯ ให้เหลือเพียงธุรกรรมเดียวเรียกว่า "โต๊ะจีน"

ข้อความข้างต้นนี้จะให้เราเชื่อกระนั้นหรือว่า ท่านไม่ได้หมายถึงเราจริงๆ ขณะที่ข้อความของท่านในบทความนี้มันมีทั้งจริงและเท็จปนกันคือ ท่านว่าไม่ได้กล่าวถึงเรา แต่ท่านก็ทิ้งประเด็นให้คนสงสัยเคลือบแคลงต่อเรา ทำอย่างนี้มันไม่สง่างามเลยจริงๆ

หากท่านเจตนาบริสุทธ์ก็ขอให้หยุดพฤติเหล่านี้เถิด

แต่เมื่อท่านเอ่ยมาซะขนาดนี้แล้ว เราก็จะชี้แจงให้ท่านทราบเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ

แต่ก่อนอื่น ขอให้ท่านเลิกอคติ คิดเอง เออเอง เพราะสิ่งนี้คือม่านบังตาที่ทำให้มองไม่เห็นความจริง

ทำให้ท่านคิดว่า เราทำอย่างที่ท่านคิด แล้วก็ไปแสวงหาตัวบทหลักฐานมาวาง

ช่างน่าอับอาย หากเรามีความคิดในมุมแคบๆ และพยายามขีดกรอบให้ผู้อื่นเดินตาม

และตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ท่านก็จะวนเวียนอยู่ในมุมของท่านเองอย่างไม่รู้จบ

เช่นความสงสัยที่ท่านมีว่า ธุรกรรมหลายอย่างมารวมกันทำได้อย่างไร

เราตอบว่าทำได้แน่นอน และเราก็ทำแล้ว และไม่ผิดหลักการศาสนาแต่อย่างใด

หากท่านอยากทราบ เราจะบอกให้ ทำได้ง่ายนิดเดียวคือ

มุมที่ท่านมอง กับ ความจริงที่เราทำมันต่างกัน

มุมที่ท่านมองคือการทำธรกรรมกับบุคคลเพียงคนเดียวด้วยวิธีที่หลากหลายในเวลา เดียวกัน ทำไม่ได้ หาฮุก่มไม่เจอ ไม่รู้ว่าเป็นการซื้อขายลักษณะใด ก็นั่นนะซิ ซื้อขายกับคนๆเดียววาระเดียวหลากหลายวิธีการทำยังไง งง

ถ้าท่านและคณะของท่านไม่ต้องการงวยงงอีกต่อไป ก็ยุติความคิดและมุมมองแคบๆ และมองความจริงที่เราทำจะได้เลิกงงกันซะที

ความจริงที่เราทำคือ เรามิได้ทำธุรกรรมใดๆ กับบุคคลเพียงคนเดียว วาระเดียว ตามที่ท่านคิด เราจัดงานไม่ได้หมายความว่า มีผู้มาร่วมงานกับเราเพียงคนเดียว แต่มีผู้ร่วมงานกับเรา 3500 กว่าคน เราทำธุกรรมกับคน 3500 กว่าคน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่นใครจะซื้อสดก็เชิญ ใครจะผ่อนเป็นงวดก็เชิญ จะง่ายครั้งเดียวในภายหลังก็เชิญ จะมาในงานดูหรือชิมก่อนก็เชิญ ไม่พอใจจะคืนก็เชิญ บางท่านรับบัตรเชิญของเราไปแล้วแต่ไม่มาร่วมงานก็มี และเราก็ไม่ตามทวง เพราะสิ่งที่เราส่งไปมันคือบัตรเชิญ นี่แหละคือความจริงที่เราทำ แต่ถ้าท่านอยากจะทำอย่างนี้บ้างต้องใจกว้าง ไม่ใช่มุมมองแคบๆที่ท่านคิด

เหล่านี้มันคือเทคนิคทางการค้า ที่ไม่ได้ผิดบทบัญญัติศาสนาแต่อย่างใด ย้ำว่า ไม่ผิดบัญญัติศาสนาแต่อย่างใด

เรายกตัวอย่างว่า หากท่านเป็นพ่อค้า ท่านต้องการซื้อขายกับลูกค้าเพียงรายเดียว หรือต้องการลูกค้าหลายราย

และสมมุติว่า พ่อค้าคนหนึ่งยืนกรานว่าจะซื้อขายกับลูกค้ารายเดียว คนอื่นมาซื้อก็ไม่ยอมขาย และยืนกรานว่าจะขายสดอย่างเดียว ไม่ขายผ่อน แม้ลูกค้าบางรายบอกว่าขอชำระสักสองงวดก็ไม่ยอม
ไม่ลด ไม่แถม ห้ามเลือก ห้ามชิม ห้ามลอง
เสียหาย ชำรุด ไม่ครบจำนวน ไม่ครบปริมาณไม่รับคืน

ท่านคิดว่าการค้าของพ่อค้ารายนี้เป็นเช่นใด และหากท่านเป็นผู้ซื้อที่มีโอกาสเลือก ท่านจะเลือกซื้อสินค้าจากพ่อค้าคนนี้หรือไม่

ยุทธศาสตร์ทางการค้าอีกอย่างหนึ่งก็คือ อย่าให้สินค้าติดมือ ต้องระบายสินค้าให้หมดโดยเร็ว แม้กำไรต่อหน่วยจะเล็กน้อยแต่ขายได้ในปริมาณมาก ดีกว่า ได้ทั้งเงินได้ทั้งลูกค้า แต่ต้องไม่ใช่เป็นการขายตัดหน้าหรือมี “ฆ่อร๊อร” ใดๆ อย่างนี้ห้ามแน่นอน

คนทำการค้าต้องให้เงินเดินสะพัด ไม่ใช่เอาสินค้ามากองให้เงินจม รอตลาดวายก่อนแล้วค่อยขาย นี่ถ้าขายของสดก็เน่าคามือ

คนวิสัยทัศน์แคบๆ ทำการค้าไม่ได้หรอก มีแต่เจ้งกับเจ้ง

หวังว่าเรื่องราวที่เราชี้แจงนี้คงจะทำให้ท่านหายงง และกินได้นอนหลับเสียที

อย่างไรก็ตาม จากนี้ต่อไปเราจะดูว่า ท่านจะไม่พูดถึงเรา หรือสื่อความหมายใดๆ ให้คนอื่นเข้าใจว่าคือเรา จริงหรือเปล่า

หากท่านบริสุทธิ์ใจ ไม่หลอกตัวเอง ไม่หลอกผู้อ่าน ไม่ใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อยเหมือนอย่างที่ผ่านมา เราก็มีมารยาทพอที่จะไม่กล่าวพาดพิงใดๆถึงท่าน

แต่เราจะชี้แจงทางวิชาการในสิ่งที่เราทำว่ามีตัวบทหลักฐานศาสนารองรับอย่าง ไร ที่สำคัญไม่ใช่อิจมาอ์ของอุลามาอ์คนใด แต่เป็นอิจมาอ์ของเหล่าศอฮาบะห์

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=333129360221751&id=100005740689770