ใครมีความรู้เรื่องฟ้าเหนือฟ้าบ้าง


เมื่อเราแหงนหน้ามองฟ้า เราก็จะพบว่ามีฟ้าอยู่จริงตามที่ประจักษ์ ซึ่งฟ้าที่เราเห็นนี้ถูกเรียกว่า “ฟ้าดุนยา” ที่มีดาวน้อยใหญ่โคจรอยู่มากมาย ทั้งที่เรืองแสดงและอับแสง และโลกของเราก็เป็นหนึ่งในหมู่ดาวที่โคจรรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ ตลอดเวลา
พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

وَلَقَدْ زَيَّنَّا السَّمَاءَ الدُنْيَا بِمَصَابِيْحَ

“และแน่นอนว่าเราได้ประดับฟ้าดุนยาด้วยกับดาวเรืองแสง” ซูเราะห์อัลมุลก์ อายะห์ที่ 5

ทุกวันนี้มนุษย์ยังไม่รู้เลยว่า ดาวที่โคจรอยู่ในห้วงเวหามีจำนวนเท่าไหร่ และยังมีการค้นพบดาวดวงใหม่ที่เข้าสู่วงโคจรอยู่เรื่อยๆ

เพียงแค่เรื่องราวของใต้ฟ้าดุนยาที่ปรากฏนั้น มนุษย์ยังอับจนปัญญาที่จะกล่าวถึงเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งหมด แล้วมนุษย์จะเอาปัญญาของใครที่ไหนเล่า ที่จะกล่าวถึงเรื่องราวของฟ้าที่อยู่เหนือฟ้าดุนยานี้

คนโบราณมักจะพูดว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า” แม้จะเป็นคำพูดที่ใช้เปรียบเปรยเพื่อให้รู้ว่า “ที่สุดยอดแล้วนั้นยังมีที่เหนือกว่า” หากแต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นเชื่อตามคำสอนว่า เหนือฟ้าแล้วยังมีฟ้าจริงๆอยู่อีก
พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

الَّذِي خَلَقَ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ طِبَاقاً

“พระองค์ผู้ทรงสร้างเจ็ดฟ้าเป็นชั้นๆ” ซูเราะห์อัลมุลก์ อายะห์ที่ 3

ฟ้าที่อยู่เหนือฟ้าดุนยานี้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง และมันคือฟ้าจริงๆ ไม่ใช่เจ็ดชั้นบรรยากาศ แต่ใครเล่าที่จะมีประสบการณ์อธิบายความได้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่คนที่เคยไปประสบและไปสัมผัสมาแล้วคือท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไปในเหตุการณ์ที่ท่านผ่านและประสบพบเจอในแต่ละ ชั้นฟ้าให้เราได้ทราบดังนี้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเดินทางขึ้นสู่ฟากฟ้า

“ยะห์ยา อิบนุ บุกัยร์ เล่าให้เราฟัง โดยกล่าวว่า อัลลัยซ์ เล่าให้เราฟังจาก ยูนุส จาก อิบนุ ซิฮาบ จาก อนัส บิน มาลิก กล่าวว่า อบูซัรริน (อัลฆิฟารีย์) ขออัลลอฮ์ทรงพอพระทัยต่อเขาด้วย ได้เล่าว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า หลังคา บ้านของฉันถูกทำให้เป็นช่องโหว่ ตอนนั้นฉันอยู่ที่มักกะห์ แล้วญิบรีล อลัยฮิสสลาม ได้ลงมา เขาผ่าอกฉันแล้วล้างมันด้วยน้ำซัมซัม ต่อมาเขาได้เอาอ่างที่เป็นทองคำซึ่งเต็มไปด้วยความรอบรู้,ความเข้าใจ,และการ ศรัทธา โดยนำมันใส่เข้าไปในอกของฉันแล้วประกบมันไว้อย่างเดิม” (บุคอรี/หมวดที่ 8/บทที่ 1/ฮะดีษเลขที่ 349)
“อนัส บินมาลิก รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า บุร๊อก ได้ถูกนำมาให้ฉัน มันเป็นสัตว์สีขาว มีลำตัวยาว ขนาดใหญ่กว่าลาแต่เล็กกว่าล่อ มันจะเก็บขาของมันไว้ด้านหลัง จนมองไม่เห็น ท่านเล่าต่อไปว่า ฉันได้ขี่มันมาจนกระทั่งมันพาฉันมาถึงบัยตุ้ลมักดิส แล้วฉันก็ผูกมันไว้เสาประตูด้านหน้ามัสยิด ตรงที่บรรดานบีก่อนหน้านี้ได้กระทำ หลังจากนั้นฉันก็เข้าไปในมัสยิด และได้ละหมาด (ซุนนะห์) สองรอกอะห์ แล้วฉันก็ออกมา โดยที่ญีบรีล อลัยฮิสสลาม ได้นำภาชนะใส่น้ำเมา และภาชนะใส่นมมาให้ฉัน แต่ฉันเลือกหยิบภาชนะที่ใส่นม ญิบรีล ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้กล่าวว่า ท่านได้เลือกเอาความบริสุทธิ์” (มุสลิม/หมวดที่1/บทที่76/ฮะดีษเลขที่ 0309)

ก่อนที่ประตูฟ้าดุนยาจะถูกเปิดออก

หลังจากนั้นเขาจูงมือฉันแล้วพาขึ้นไปบนฟ้าดุนยา เมื่อเราไปถึงฟ้าดุนยา ญิบรีลก็ได้กล่าวกับผู้เฝ้าประตูฟ้าว่า เปิดหน่อย เขาถามว่า ใครกันหรือ ? เขาตอบว่า ญิบรีล เขาถามว่า มีใครมากับท่านด้วยหรือ เขาตอบว่า ใช่ มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม มากับฉันด้วย เขาถามว่า เขาได้รับเชิญมาหรือ ? เขาตอบว่า ใช่ แล้วเขาก็เปิดประตูให้เรา” (บุคอรี/หมวดที่ 8/บทที่ 1/ฮะดีษเลขที่ 349)
หลังจากนั้นเขาก็พาเราขึ้นไปบนฟ้า โดยที่ญีบรีลขอให้เปิดประตูฟ้า จึงมีเสียงถามว่า เจ้าเป็นใคร เขาตอบว่า ญีบรีล แล้วมีเสียงถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึงถูกเปิดออกให้เรา (มุสลิม/หมวดที่1/บทที่76/ฮะดีษเลขที่ 0309)

หลังจากที่ประตูฟ้าดุนยาถูกเปิดออกแล้ว

“เมื่อเราขึ้นไปที่ฟ้าดุนยา ฉันก็พบชายผู้หนึ่งที่ด้านขวาของเขามีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง และทางด้านซ้ายของเขาก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ เมื่อชายผู้นั้นมองไปทางด้านขวาของเขาก็หัวเราะ แต่เมื่อเขามองไปทางด้านซ้ายเขาก็ร้องไห้ เขากล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีที่ดีและลูกหลานที่ดี ฉันจึงถามญิรีลว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า คืออาดัม และกลุ่มคนทางด้านขวาและทางด้านซ้ายของเขา ก็คือ ดวงวิญญาณลูกหลานของเขาเอง โดยทางกลุ่มทางด้านขวาของเขานั้นคือชาวสวรรค์ ส่วนกลุ่มทางด้านซ้ายของเขาคือชาวนรก ดังนั้นเมื่อเขามองไปทางด้านขวา เขาจึงหัวเราะ แต่เมื่อเขามองไปทางด้านซ้ายของเขา, เขาจึงร้องไห้” (บุคอรี/หมวดที่ 8/บทที่ 1/ฮะดีษเลขที่ 349)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะผ่านฟ้าชั้นต่างๆ

หลังจากนั้นญิบรีล ก็พาฉันขึ้นไปถึงฟ้าชั้นที่สอง เขากล่าวกับผู้เฝ้าประตูฟ้าว่า เปิดหน่อย ผู้เฝ้านั้นได้สอบถามเขาเช่นเดียวกับผู้เฝ้าประตูฟ้าดุนยา หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูฟ้าให้
อนัส บินมาลิก กล่าวว่า อบูซัรริน เล่าว่า บุคคลที่ท่านนบีได้พบในชั้นฟ้าแต่ละชั้นนั้น มีทั้งนบีอาดัม, นบีอิดรีส, นบีมูซา, นบีอีซา และนบีอิบรอฮีม, ขอ อัลลอฮ์ทรงให้พรแก่บรรดานบีเหล่านั้นทั้งหมด แต่ไม่ได้ระบุว่า ในฟ้าชั้นใด นอกจากที่กล่าวถึง กรณีท่านนบีได้พบนบีอาดัม อลัยฮิสสลาม ที่ฟ้าดุนยา และพบกับนบีอิบรอฮีม ที่ฟ้าชั้นที่หก
อนัส กล่าวว่า เมื่อญิบรีลและท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ผ่านมาถึงนบีอิดรีส ท่านก็กล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดี และน้องชายคนดี ท่านนบีเล่าว่า ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า อิดรีส
หลังจากนั้นฉันก็ผ่านมาที่นบีมูซา ท่านกล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดีและน้องชายคนดี ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า คือมูซา หลังจากนั้นฉันก็ผ่านไปที่นบีอีซา เขากล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดี และน้องชายคนดี ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า คืออีซา หลังจากนั้นฉันก็ผ่านไปที่นบีอิบรอฮีม ท่านกล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดีและลูกหลานคนดี ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร เขาตอบว่า คือ อิบรอฮีม ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม (บุคอรี/หมวดที่ 8/บทที่ 1/ฮะดีษเลขที่ 349)

จากบันทึกในศอเฮียะห์บุคอรีที่ท่านได้อ่านข้างต้นนี้ไม่ได้จำแนกว่าในแต่ละ ชั้นฟ้าที่ท่านนบีขึ้นไปนั้นท่านนบีเจอกับใครและพบเหตุการณ์อะไรบ้าง แต่ในบันทึกจาก ศอเฮียะห์มุสลิม ได้จำแนกให้ทราบเหตุการณ์ในแต่ละชั้นฟ้าดังนี้

“หลังจากนั้นเขาก็พาเราขึ้นไปบนฟ้า โดยที่ญีบรีลขอให้เปิดประตูฟ้า จึงมีเสียงถามว่า เจ้าเป็นใคร เขาตอบว่า ญีบรีล แล้วมีเสียงถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึงถูกเปิดออกให้เรา ทันใดนั้นฉันได้พบกับนบีอาดัม ซึ่งท่านได้ต้อนรับฉันและขอดุอาอ์ในสิ่งที่ดีให้แก่ฉัน
หลังจากนั้นเขาพาเราขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่สอง โดยญีบรีล อลัยฮิสสลาม ได้ขอให้เปิดประตู จึงมีเสียงถามว่า ท่านเป็นใคร เขาตอบว่า ญีบรีล แล้วมีเสียงถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่ เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึง ถูกเปิดให้เรา ทันใดนั้นฉันได้พบลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคืออีซา บุตรของมัรยำ และนบียะห์ยา บุตรของนบีซะกะรียา ขออัลลอฮ์ทรงให้พรแก่ท่านทั้งสองด้วยเถิด ซึ่งท่านทั้งสองได้ต้อนรับและขอดุอาอ์ในสิ่งที่ดีให้แก่ฉัน
จากนั้นเขาพาเราขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่สาม โดยญีบรีล ขอให้เปิดประตู จึงมีเสียงถามว่า ท่านเป็นใคร เขาตอบว่า ญิบรีล เสียงนั้นถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่ เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึง ถูกเปิดให้เรา ทันใดนั้นฉันก็พบนบียูซุบ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าท่านได้รับครึ่งหนึ่งของความงดงามของโลกนี้ ท่านได้ต้อนรับฉันและขอดุอาอ์ในสิ่งที่ดีให้แก่ฉัน
ต่อจากนั้นเขาก็พาเราไปยังฟ้าชั้นที่สี่ โดยญีรีล อลัยฮิสสลาม ได้ขอให้เปิดประตู จึงมีเสียงถามว่า ท่านเป็นใคร เขาตอบว่า ญิบรีล เสียงนั้นถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูอัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่ เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึงถูกเปิดให้เรา ทันใดนั้นฉันได้พบนบีอิดรีส ซึ่งท่านให้การต้อนรับและขอดุอาอ์ในสิ่งที่ดีให้แก่ฉัน ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงตรัส (เกี่ยวกับท่าน) ว่า “เราได้ยกเขา (นบีอิดรีส) ในตำแหน่งที่สูง” (ซูเราะห์มัรยำ อายะห์ที่ 57)
หลังจากนั้นเขาก็พาเราขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่ห้า โดย ญีบรีลขอให้เปิดประตู จึงมีเสียงถามว่า ท่านเป็นใคร เขาตอบว่า ญีบรีล เสียงนั้นถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่ เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึงถูกเปิดให้เรา ทันใดนั้นฉันได้พบกับนบีฮารูณ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งท่านได้ต้อนรับ และขอดุอาอ์ในสิ่งที่ดีให้แก่ฉัน

แล้วเขาก็พาเรา ขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่หก โดยญิบรีล อลัยฮิสสลาม ได้ขอให้เปิดประตู จึงมีเสียงถามว่า ท่านเป็นใคร เขาตอบว่า ญิบรีล เสียงนั้นถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่ เขาถูกเชิญมา ดังนั้นประตูฟ้าจึงถูกเปิดให้เรา ทันใดนั้นฉันก็พบกับนบีมูซา ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งท่านได้ต้อนรับ และขอดุอาอ์ในสิ่งที่ดีให้ฉัน

ต่อมาเขาพาฉันขึ้นไปบนฟ้าชั้นที่เจ็ด โดยญิบรีล อลัยฮิสสลาม ได้ขอให้เปิดประตู จึงมีเสียงถามว่า ท่านเป็นใคร เขาตอบว่า ญิบรีล เสียงนั้นถามอีกว่า ใครมากับท่าน เขาตอบว่า มูฮัมหมัด เสียงนั้นถามต่อว่า เขาถูกเชิญมาหรือ เขาตอบว่า ใช่ เขาถูกเชิญมา ดั้งนั้นประตูฟ้าจึงถูกเปิดให้เรา ทันใดนั้นฉันก็พบนบีอิบรอฮีม ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กำลังเอนกายพิงอยู่ที่ “บัยติ้ลมะอ์มูร” ( คฤหาสที่โอ่โถงและสวยงาม) ที่นั่นจะมีมะลาอิกะห์ 70,000 องค์เข้าไปเป็นประจำทุกวันโดยเมื่อกลับออกมาแล้วก็จะไม่เข้าไปที่นั่นอีกเลย (มุสลิม/หมวดที่1/บทที่76/ฮะดีษเลขที่ 0309)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือฟ้าชั้นที่เจ็ด

อิบนุซิฮาบ กล่าวว่า อิบนุฮัซมิน ได้บอกกับฉันว่า แท้จริง อิบนิอับบาส และอบาฮับบะห์ อัลอันศอรีย์ ทั้งสองกล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า หลังจากนั้นเขาก็พาฉันขึ้นไปจนกระทั่งขนาดได้ยินเสียงขยับปากกา
อิบนุฮัซมิน, และอนัส บินมาลิก กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดการละหมาดห้าสิบเวลาให้แก่ประชาชาติของฉัน แล้วเมื่อฉันกลับมาพร้อมข้อบัญญัตินั้นจนฉันผ่านมาถึงนบีมูซา ซึ่งท่านนบีมูซา ได้ถามว่า องค์อภิบาลของเจ้าบัญญัติเรื่องใดแก่ประชาชาติของเจ้า ฉันตอบว่า พระองค์ทรงบัญญัติการละหมาดห้าสิบเวลา นบีมูซา ได้กล่าวว่า จงไปหาองค์อภิบาลของเจ้า แท้จริงประชาชาติของเจ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ครบถ้วน ดังนั้นฉันจึงไปขอลดหย่อนต่อองค์อภิบาลของฉัน แล้วพระองค์ก็ทรงลดหย่อนให้ครึ่งหนึ่ง หลัง จากนั้นฉันก็กลับมาที่นบีมูซา และแจ้งเรื่องให้ท่านทราบว่า พระองค์ได้ทรงลดหย่อนให้ครึ่งหนึ่ง แต่ท่านกล่าวว่า จงกลับไปหาองค์อภิบาลของเจ้า เพราะประชาชาติของเจ้าไม่สามรถปฏิบัติได้ครบถ้วน ดังนั้นฉันจึงกลับไปยังองค์อภิบาลของฉัน พระองค์ตรัสว่า ห้าเวลาเท่ากับห้าสิบ และข้อบัญญัตินี้จะไม่ถูกเปลี่ยนอีก แล้วฉันก็กลับมาที่นบีมูซา แต่ท่านก็ยังกล่าวอีกว่า กลับไปขอลดหย่อนจากองค์อภิบาลของเจ้า ฉันจึงกล่าวว่า ฉันละอายต่อองค์อภิบาลของฉันเหลือเกิน
หลังจากนั้น ญิบรีลก็พาฉันกลับ จนเรามาถึง ซิดเราะตุ้ลมุนตะฮา (ที่สถิตย์ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง) มีแสงระยิบหลากสีสันแผ่ปกคลุมไปทั่ว ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ท่านกล่าวว่า ต่อจากนั้นฉันก็ถูกนำเข้าไปในสวรรค์ ทันใดนั้นฉันก็พบโดมหลากหลายที่เป็นไขมุก โดยพื้นของมันนั้นเป็นชมดเชียง (บุคอรี/หมวดที่ 8/บทที่ 1/ฮะดีษเลขที่ 349)

ในศอเฮียะห์มุสลิมได้บันทึกว่า

“หลังจากนั้นเขาก็พาฉันไปยัง “ซิดร่อตุ้ลมุนตะฮา” (ที่สถิตย์ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง) ที่ใบของมันเหมือนหูช้าง และผลของมันเหมือนหม้อดินเผาใบใหญ่ โดยมีแสงเรืองรองแผ่กระจายปกคุลมไปทั่วจากคำสั่งของอัลลอฮ์ และเมื่อมันแผ่ปกคลุมสิ่งใด สิ่งนั้นนั้นก็จะเปลี่ยนไป, จึงเป็นความสวยสดงดงามที่ไม่มีผู้ใดสามารถสาธยายได้ถึงการสรรสร้างของอัล ลอฮ์
แล้วพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงวะฮีย์ให้แก่ฉันว่า พระองค์ทรงกำหนดการละหมาดในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ห้าสิบเวลา หลังจากนั้นฉันก็ลงมาที่มูซา ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ท่านกล่าวว่า องค์อภิบาลของเจ้าบัญญัติเรื่องใดให้แก่ประชาชาติของเจ้า ฉันตอบว่า พระองค์บัญญัติการละหมาดห้าสิบเวลา ท่านกล่าวว่า เจ้าจงกลับไปยังองค์อภิบาลของเจ้าเถิด และขอลดหย่อนต่อพระองค์ เพราะประชาชาติของเจ้าย่อมไม่สามารถปฏิบัติได้ครบถ้วน และฉัน เองก็เคยทดสอบและฝึกฝนชาวบะนีอิสรออีลมาแล้ว (และพบว่าพวกเขาอ่อนแอมากเกินกว่าที่จะรับภาระหนักเช่นนั้นได้) ท่านนบีกล่าวว่า ฉันจึงได้กลับไปยังองค์อภิบาลของฉัน โดยร้องขอว่า โอ้องค์อภิบาลของฉันได้โปรดลดหย่อนแก่ประชาชาติของฉันด้วยเถิด ดังนั้นพระองค์จึงทรงลดหย่อนให้แก่ฉันเหลือเพียงห้าเวลา หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่นบีมูซา แล้วกล่าวกับท่านว่า พระองค์ทรงลดหย่อนให้แก่ฉันเหลือเพียงห้าเวลา ท่านกล่าวว่า ประชาชาติของเจ้าจะไม่สามารถรับภาระนี้ จงกลับไปยังองค์อภิบาลของเจ้าอีกครั้งเถิด แล้วขอลดหย่อนต่อพระองค์อีก ดังนั้นฉันจึงเทียวไปเทียวมาระหว่างองค์อภิบาลของฉันผู้ทรงจำเริญและสูงส่ง กับนบีมูซา อลัยฮิสสลาม จนกระทั่งพระองค์ทรงตรัสว่า โอ้มูฮัมหมัดเอ๋ย การละหมาดห้าเวลาในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนั้น แต่ละเวลาละหมาดเทียบเท่ากับสิบ ดังนั้น (การละหมาดห้าเวลา) จึงเท่ากับการละหมาดห้าสิบเวลา และผู้ใดตั้งใจกระทำความดีโดยที่ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ก็จะถูกบันทึกให้กับเขาหนึ่งความดี แต่ หากเขาได้กระทำความดีนั้น ก็จะถูกบันทึกให้กับเขาสิบเท่าตัว และผู้ใดตั้งใจกระทำความชั่ว แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ความชั่วนั้นก็จะยังไม่ถูกบันทึก แต่หากเขาลงมือกระทำมัน ก็จะถูกบันทึกเพียงความชั่วเดียว แล้วฉันก็กลับมาจนกระทั่งมาถึงท่านนบีมูซา ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และแจ้งข่าวให้ท่านทราบ แต่ท่านก็ยังกล่าวอีกว่า จงกลับไปยังองค์อภิบาลของเจ้า และขอลดหย่อนต่อพระองค์อีก ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ฉันตอบกับท่านนบีมูซาว่า ฉันกลับไปหาองค์อภิบาลของฉัน (หลายครั้งเพื่อขอลดหย่อน) จนกระทั่งฉันละอายต่อพระองค์” (มุสลิม/หมวดที่1/บทที่76/ฮะดีษเลขที่ 0309)

ท่านสามารถดูตัวบทและคำแปลฉบับเต็มของเราได้ที่ลิงค์ตามที่แนบมานี้

ศอเอียะห์บุคอรี
http://www.fareedfendy.com/preview.php?artid=1143&no=2&search=%BB%C3%D0%B5%D9%BF%E9%D2

ศอเฮียะห์มุสลิม
http://www.fareedfendy.com/preview.php?artid=449&no=2&search=%BB%C3%D0%B5%D9%BF%E9%D2

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่เราได้นำมาแสดงนี้เป็นสิ่งที่วัดการศรัทธาของมวล มุสลิมได้เป็นอย่างดีว่า ผู้ศรัทธานั้นเชื่อมั่นตามตัวบทหลักฐาน ไม่ใช่ศรัทธาตามเหตุผลและปัญญาของผู้ใด

และหลักฐานเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เราต้องหวนกลับมาคิดทบทวนตัวเองว่า สิ่งที่อยู่ในฟ้าดุนยานั้น เรายังไม่สามารถรับรู้ทั้งหมดด้วยสติปัญญาของเราเอง แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องราวของฟ้าที่อยู่เหนือฟ้า หรือเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือฟ้าทั้งเจ็ด

มนุษย์ช่างอับจนปัญญาเสียจริงๆ

หากมิใช่วะฮีย์หรือเหตุการณ์ที่ท่านนบีนำมาบอกแล้ว ใครเล่าที่จะรู้เรื่องเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยปัญญาของตนเอง

หยุดเถิดผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของพระเจ้าด้วยปัญญาทั้งหลาย สิ่งที่ท่านวิพากษ์วิจารณ์และนำไปเปรียบเทียบนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งถูก สร้างที่เกิดขึ้นภายใต้ฟ้าดุนยานี้ทั้งสิ้น

หากท่านยังไม่รู้จักเรื่องราวและเหตุการณ์ภายใต้ฟ้าดุนยาทั้งหมด ก็อย่าบังอาจใช้ปัญญาวิพากษ์วิจารณ์ในตัวตนและคุณลักษณะของพระเจ้าเลย