1 มีนาคม 2549
สถานการณ์การเมืองในบ้านในเมืองเรายังคงร้อนระอุ หลายฝ่ายเกรงจะเกิดปัญหาบานปลาย และอาจกลายเป็นมีนาวิปโยคไปอีกครั้งจากกรณีม็อบชนม็อบ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
โดยในวันที่ 3 มีนาคม 49 เป็นม็อบของไทยรักไทยจัดที่ท้องสนามหลวง ซึ่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จะเปิดใจและชี้แจงทุกประเด็น โดยอ้างว่า เพราะทนไม่ได้ที่ถูกใส่ร้ายมาตลอด (เขาว่าอย่างนั้น)
และในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เช่นกัน จะเป็นม็อบของกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติ ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดรวมตัวที่ท้องสนามหลวงอีกเช่นกัน เป้าหมายคือขับไล่รักษาการนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
ทั้งสองม็อบนี้ต่างก็หาแนวร่วมสนับสนุน เพื่อแสดงศักยภาพให้รู้ว่ามีเสียงสนับสนุนท่วมท้น และแน่นอนว่าประชาชนคือฐานหลักที่จะต้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะร่วมด้วยใจ ด้วยอุดมการณ์ หรือถูกจ้างวานมาก็ตามที ซึ่งเป็นการยั่วยุก่อให้เกิดสถานการณ์เผชิญหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าการกระทบกระทั่ง ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือด้วยกำลังจะติดตามมา และนี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาของชาติ แต่เป็นการแก้ปัญหาของตัวเองโดยเอาชาติและเลือดเนื้อของประชาชนเป็นเดิมพัน ยังดีว่าม็อบขั้วที่สามจากแนวร่วมฝ่ายค้านได้ถอนตัวไปเสียก่อน ซึ่งตามกำหนดเดิมนั้นจะจัดในวันที่ 4 มีนาคม ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะเป็นแบบที่อดีตประธานสภา (ประสิทธิ กาญจนวัฒน์) ใช้คำพูดนี้พูดกลางสภาว่า ยุ่งตายห่า
อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกกับพี่น้องว่า จะหนุนใครหรือต้านใครก็อย่าเสียจุดยืนในการเป็นมุสลิม ที่ศาสนาของเราสอนให้มุสลิมมีความเป็นพี่น้องกัน เพราะแต่ละเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า มีพี่น้องมุสลิมของเราเข้าเป็นแนวร่วมทั้งสนับสนุนและคัดค้าน เมื่ออยู่กันคนละซีกก็ห้ำหั่นกันชนิดเอาเป็นเอาตาย บางครั้งถึงขนาดไม่มองหน้ากัน โกรธกันยันตายก็มี แต่การเมืองนั้นไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เราเห็นเขาทะเลาะกันอยู่หยกๆ เขาด่ากันชนิดไม่ดูดำดีดู แต่พอเขาสานผลประโยชน์กันได้ ก็จูบปากกันอย่างชื่นมื่น เขาเลิกทะเลาะกันแล้ว แต่พี่น้องมุสลิมของเรายังเป็นศัตรูกันยันตาย ฉะนั้นขออย่าได้ทิ้งจุดยืนของการเป็นมุสลิมนะพี่น้องเอ้ย
ที่สำคัญก็คือ อย่ายืนเคียงข้างผู้ที่เป็นศัตรู หรือผู้ที่ให้การสนับสนุนศัตรูในการเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในประเทศหรือนอกประเทศก็ตาม อย่ายึดพวกแล้วทิ้งหลักการเป็นอันขาด เพราะทุกย่างก้าวของเราจะถูกสอบสวนในวันกิยามะห์
ในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าข่าวปล่อย-ข่าวลือต้องระบาดอย่างหนักหน่วงเพื่อชิงฐานมวลชน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง และเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามให้จมธรณี แต่คนที่มีวิจารณญาณเขาย่อมรับรู้ว่า อะไรคือข่าวจริงและอะไรคือข่าวปล่อย และยิ่งมุสลิมด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องตระหนักถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้มากยิ่งขึ้น
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
يَأيُّهَا الَّدِيْنَ آمَنُوا اِنْ جَاءَ كُمْ فَاسِقٌ بِنَبَأٍ فَتَبَيَّنُوا أَنْ تُصِيْبُوا قَوْمًا بِجَهَالَةٍ
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย หากว่าคนไม่ดีนำข่าวใดๆ มาบอกแก่พวกเจ้า ก็จงสอบข่าวนั้นให้กระจ่างเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้คนอื่นเสื่อมเสียอันเนื่องจากความเขลา” ซูเราะห์อัลฮุจรอจญ์ อายะห์ที่ 6
ตั้งสติ และคิดทบทวน คนที่เช้าพูดอย่าง เย็นพูดอีกอย่าง มืดพูดไปอีกทาง ต้องระวังการบริโภคข่าวจากคนเหล่านี้ให้ดี
อาจารย์ฟารีด เฟ็นดี้
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.