ค้นหา  ·  หัวข้อเรื่อง  ·  เข้าระบบ  ·  เผยแพร่เรื่อง
                      สมัครสมาชิก  

หนังสือใหม่

ผลงานล่าสุด
ของ อ.ฟารีด เฟ็นดี้


อีซีกุโบร์



พิธีกรรมยอดฮิตติดอันดับของเมืองไทย อิซีกุโบร์ พิธีกรรมเซ่นสังเวยดวงวิญญาณ วิเคราะห์เจาะลึกถึงที่มาพร้อมวิเคราะห์หลักฐาน คนกินข้าว ผีกินบุญ จริงหรือ ?

อุศ็อลลี



เหนียตและการตะลัฟฟุซแตกต่างกันอย่างไร แสดงที่มาของการกล่าวอุศ็อลลี แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

ซัยยิดินา



การเพิ่มซัยยิดินาในศอลาวาต เป็นฮะดีษศอเฮียะห์จริงหรือ แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

การยกมือตั๊กบีร
ระหว่างสองสุญูด




การยกมือตั๊กบีรระหว่างสองสุญูด เป็นซุนนะห์จริงหรือ วิเคราะห์หลักฐานที่กล่าวกันว่าท่านนบีกระทำเป็นบางครั้งจริงหรือไม่

วะบิฮัมดิฮี



หลักฐานการอ่านวะบิฮัมดิฮีในรุกัวอ์และสุญูดถูกต้องหรือ เชคอัลบานีว่าเป็นฮะดีษ ศอเฮียะห์จริงหรือไม่ พิสูจน์หลักฐานตามศาสตร์ของฮะดีษ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอ

วาญิบต้องศอลาวาต
ในตะชะฮุดแรกหรือ




ชี้แจงมุมมองของเชคอัลบานี ที่ตกทอดสู่เมืองไทย ถ้าไม่อ่านศอลาวาตในตะชะฮ์ฮุดแรกละหมาดใช้ไม่ได้ หากลืมก็ต้องสุญูดซะฮ์วี จริงหรือ อ่านวิเคราะห์หลักฐานทางวิชาการ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอง

รู้ทันชีอะฮ์



เผยกลลวงของชีอะห์ในการดึงมุสลิมออกจากอิสลาม
ตอบโต้ข้อกล่าวหา,ใส่ร้าย,ประณามศอฮาบะห์

ติดต่อและสั่งซื้อได้ที่
คุณยะอ์กู๊บ น้อยนงค์เยาว์
084 0004619


รวมวิดีโอ

>>..ดูทั้งหมด..<<


เมนูหลัก

 บริการหลัก
หน้าแรก
ถามตอบ
ติดต่อสอบถาม
แนะนำบอกต่อ
ค้นหา
แสดงสถิติ
ผลสำรวจ
ยอดฮิตติดอันดับ
 บริการสมาชิก
รายนามสมาชิก
 บริการข่าวสาร
 บริการอื่นๆ
ดาวน์โหลด
วิดีโอบรรยาย
ห้องแสดงภาพ
ฮะดีษแปลไทย


บทความรายวิชา








วิเคราะห์ข้อขัดแย้ง

  ศอฮาบะห์กางเต้นท์อ่านอัลกุรอานบนกุโบร์หรือ
  อัลกอมะห์กับแม่
  อิสลามเปลี่ยนวันใหม่ตอนมักริบไม่ใช่เที่ยงคืน
  เฝ้ากุโบร์ไม่ฮะราม..หรือ
  วิพากษ์หลักฐานเรื่องทำกุรบานให้คนตาย
  ถือศีลอดสิบวันแรกเดือนซุ้ลฮิจญะห์เป็นฮะดีษศอเฮียะห์หรือไม่
  วันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ที่ไม่มีอะรอฟะห์
  มีหลักฐานห้ามไหม
  กล่าวเท็จต่อท่านนบีว่า ท่านอ่านอัลกุรอานในกุโบร
  วิพากษ์หลักฐานการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์ ตอนที่ 3 คำรายงานที่ถูกต้องจากอิบนิอุมัร

[ดูเรื่องทั้งหมด]

บทความทั่วไป

  ทำบุญประเทศ
  เมื่อโลกหยุดหมุน
  ผีแม่ซื้อ
  ประเพณีการแต่งงานของมุสลิมภาคใต้
  อาซูรอ 10 มุฮัรรอม กับตำนานกวนซุฆอ
  เมาตาคือใคร
  ...ทาส... ตอนที่ 2
  ...ทาส... ตอนที่ 1
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 2
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 1

[ดูเรื่องทั้งหมด]

เหมือนหรือต่าง

ภาพเปรียบเทียบระหว่างพิธีการทรมานตนเองของชาวชีอะฮ์ อิหม่าม 12 ในวันที่ 10 มุฮัรรอมของทุกปี กับม้าทรงของศาลเจ้าสามกอง ในงานประจำปี จ.ภูเก็ต


ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง


เวบลิ้งค์

มรดกอิสลาม
อัซซุนนะห์
ซุนนะห์ไซเบอร์
ชมรมวะรอซะตุซซุนนะฮฺ แนวร่วมมุสลิมต่อต้านรอฟิเฏาะ - ร่วมต่อต้านวันนี้ หรือจะรอให้สายเกินไป



อายะห์อัลกุรอานที่ขาดหาย




แม้ว่าชีอะห์ (บางคน) รวมถึงผู้รู้ของชีอะห์ในบ้านเรา (บางคน) จะยืนยันว่า พวกเขาเชื่อว่าอัลกุรอานในปัจจุบัน 6,000 กว่าอายะห์ที่ชาวโลกใช้กันอยู่นี้เป็นอัลกุรอานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และปฏิเสธเสียงแข็งว่า พวกเขาไม่ได้เชื่อว่าอัลกุรอานไม่ครบก็ตาม แต่ในตำราหลักของชีอะฮ์ เช่น อุศูลุ้ลกาฟี และ ซัรฮุ้ลกาฟี และฯลฯ ก็ยังคงมีเรื่องราวพิสดารเกี่ยวกับอัลกุรอานที่ขาดหายไปอีกมากมาย



ต่อไปนี้เป็นคำรายงานจากตำราของชีอะฮ์ (บางส่วน) เรื่องอัลกุรอานที่ขาดหาย โดยนำมาแสดงเปรียบเทียบกับอัลกุรอานจริงที่มุสลิมทั้งโลกใช้กันอยู่ในปัจจุบัน




ตัวอย่างที่ 1

ถ้อยคำจากซูเราะห์ อัลอะอ์รอฟ อายะห์ที่ 172 พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وَاِذْ أَخَذَ رَبُّكَ مِنْ بَنِي آدَمَ مِنْ ظُهُوْرِهِمْ ذُرِّيَتَهُمْ وَأشْهَدَهُمْ عَلى أنْفُسِهِمْ ألَسْتُ بِرَبِّكُمْ قَالُوا بَلَى شَهِدْنَا

“และจงทบทวนขณะที่องค์อภิบาลของเจ้าได้เอาจากลูกหลานอาดัม ซึ่งลูกๆของพวกเขาจากไขสันหลังของพวกเขาเอง และให้พวกเขาได้ยืนยันด้วยตัวของพวกเขาเองว่า ข้ามิใช่หรือที่เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า พวกเขาตอบว่า ใช่ พวกเรายืนยันเช่นนั้น”


อายะห์นี้พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนที่มนุษย์จะถูกบังเกิดในดุนยา ด้วยการที่พระองค์จะถามพวกเขาก่อนว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขาใช่ไหม เพื่อที่จะได้เป็นคำยืนยันด้วยตัวของพวกเขาเอง พวกเขาตอบรับว่าใช่พวกเราขอยืนยัน แต่ชีอะฮ์อ้างว่า ข้อความสมบูรณ์ของอายะห์นี้มิใช่แค่เพียงยันยันในการเป็นพระเจ้าอย่างเดียว แต่มีข้อความที่หายไปดังนี้

عن جعفر أنه قيل له لماذا سمي علي أمير المؤمنين قال الله سماه وهكذا أنزل في كتابه

“รายงานจากยะอ์ฟัรว่า มีผู้ถามเขาว่า ทำไมจึงเรียกท่านอาลีว่า อะมีรุ้ลมุอ์มีนีน เขาตอบว่า อัลลอฮ์เป็นผู้เรียกชื่อนี้ และนี่แหละที่ถูกประทานมาในคัมภีร์อย่างนี้ว่า”


واذ أخذ ربك من نبي آدم من ظهورهم ذريتهم وأشهدهم على أنفسهم ألست بربكم وأن محمدا رسولي وأن عليا أمير المؤمنين

“และจงทบทวนขณะที่องค์อภิบาลของเจ้าได้เอาจากลูกหลานอาดัม ซึ่งลูกๆของพวกเขาจากไขสันหลังของพวกเขาเอง และให้พวกเขาได้ยืนยันด้วยตัวของพวกเขาเองว่า ข้ามิใช่หรือที่เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า และมูฮัมหมัดเป็นรอซูลของข้า และอาลีเป็นอะมีร (ประมุข) แห่งบรรดาศรัทธาชน
จากอุศูลุ้ลกาฟี เล่มที่ 1 หน้าที่ 412

เราได้เห็นความแตกต่างจากถ้อยความทั้งสอง ทั้งในด้านตัวอักษรและความหมาย และเราไม่เชื่อเด็ดขาดว่า ข้อความเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของอายะห์อัลกุรอานที่สูญหาย แต่เรายืนยันว่ามันคือส่วนเกินที่ชีอะฮ์อุปโลกขึ้นแล้วเอามาแทรกไว้เท่านั้น เหตุเพราะ อัลกุรอานอายะห์นี้พูดถึงเรื่องการสืบพันธ์ของมนุษย์ต่อจากท่านนบีอาดัมและท่านหญิงฮาวา ซึ่งอัลกุรอานได้ใช้คำว่า “บนีอาดัม” ซึ่งหมายถึงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ทั้งหมด ทุกยุค ทุกสมัย ไม่ใช่ประชาชาติในยุคของท่านนบีมูอัมหมัดเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องตลกว่า มนุษย์ในยุคต้นจะถูกถามและจะต้องยืนยันการเป็นอะมีรของท่านอาลีด้วย ทั้งๆ ที่ท่านอาลียังไม่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้ อย่าว่าแต่ท่านอาลีเลย เพราะแม้กระทั่งท่านนบีเองก็ยังไม่เกิดมาบนโลกใบนี้เช่นเดียวกัน นี่เป็นนิยายพิศดารที่ชีอะอ์อ้างว่าเป็นอัลกุรอาน


ตัวอย่างที่ 2

ถ้อยความจากซูเราะห์ อัลอะห์ซาบ อายะห์ที่ 71 พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وَمَن يُطِعِ اللهَ وَرَسُوْلَهُ فَقَدْ فَازَ فَوْزًا عَظِيْمًا

“และผู้ใดที่ภักดีต่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ แน่นอนว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง”


แต่ชีอะฮ์ได้อ้างว่าข้อความของอายะห์นี้หายไป ซึ่งข้อความที่สมบูรณ์ต้องเป็นดังนี้

عن أبي عبد الله قال هكذا نزلت

“จากอบีอับดิลลาห์ได้กล่าวว่า อย่างนี้ที่ถูกประทานมาคือ”

ومن يطع الله ورسوله في ولاية علي والأئمة بعده فقد فاز فوزا عظيما

“และผู้ใดภักดีต่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ ในเรื่องการปกครองของอาลี และการปกครองของบรรดาอิหม่ามหลังจากอาลี แน่นอนว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง”
จากอุศูลุ้ลกาฟี เล่มที่ 1 หน้าที่ 414

ในอัลกุรอานจริงที่ประชาชาติอิสลามได้อ่านกันนั้น กล่าวถึงการภักดีต่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ในทุกๆเรื่องโดยมิได้เจาะจงเป็นการเฉพาะแต่อย่างใด แต่กลุ่มชีอะห์ได้ขีดกรอบของความภักดีเฉพาะประเด็นการปกครองของอาลีและบรรดาอิหม่ามต่อจากท่านอาลีเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง

เป็นเรื่องน่าสมเพชต่อชีอะฮ์เหลือเกินที่นำนิยายมาผูกรวมไว้กับอัลกุรอาน เหตุเพราะอัลกุรอานทั้งหมดถูกประทานมาให้แก่ท่านรอซูลในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งขณะนั้นการปกครองของท่านอาลียังไม่ได้เกิดขึ้น และการปกครองของบรรดาอิหม่ามทั้งสิบสองของชีอะฮ์ก็ยังไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นบรรดามุสลิมที่อยู่ก่อนการปกครองของอาลี และก่อนการปกครองของอิหม่ามทั้งสิบสองก็ต้องหายนะทั้งหมด ไม่มีใครรอดพ้นเลย แต่เรากลับพบข้อความจากอัลกุรอานในอายะห์อื่นที่สวนทางกับอัลกุรอานปลอมของชีอะฮ์ดังนี้

وَالسَابِقُوْنَ الأوَّلُوْنَ مِنَ المُهَاجِرِيْنَ وَالأنْصَارِ وَالَّذِبْنَ اتَّبَعُوْهُمْ بِاحْسَانٍ رَضِىَ اللهُ عَنْهُمْ
وَرَضُوا عَنْهُ وَأعَدَّلَهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي تَحْتِهَا الأنْهَارُ خَالِدِيْنَ فِيْهَا أبَداً ذَلِكَ الفَوْزُ العَظِيْمُ

“และบรรดาบรรพชนในยุคแรกจากทั้งบรรดาผู้อพยพ
(มุฮาญีรีน) และบรรดาผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ (อันศอร) อีกทั้งบรรดาผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขาด้วยการปฏิบัติดีนั้น พระองค์อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยพวกเขา และพวกเขาก็พอใจต่อพระองค์ด้วยเช่นกัน พระองค์ได้เตีรยมสวรรค์หลากหลายสำหรับพวกเขา ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายอยู่เบื่องล่างมัน พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ดังกล่าวนี้แหละคือชัยชนะอันใหญ่หลวง” ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 100

บรรดามุฮาญีรีนและชาวอันศอรที่ชีอะฮ์ประณามและกล่าวหาพวกเขาว่าเป็นกาเฟร แต่พระองค์อัลลอฮ์ยืนยันว่า พวกเขาได้รับสวรรค์ซึ่งเป็นชัยชนะอันใหญ่หลวง รวมถึงบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขาก็ได้รับชัยชนะเช่นกัน พวกเขาได้รับชัยชนะไปแล้วโดยที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของท่านอาลี หรือภายใต้การปกครองของบรรดาอิหม่าม

สิ่งที่น่าขบขันในการกุเท็จของชีอะฮ์อีกประการหนึ่งก็คือ บรรดาอิหม่ามทั้งสิบสองของชีอะฮ์ไม่ได้เกิดและอยู่ในอำนาจการปกครองพร้อมกัน ฉะนั้นบรรดาอิหม่ามของชีอะอ์ตั้งแต่ลำดับที่ 1 – 11 ก็ต้องหายนะด้วยเพราะไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของอิหม่ามลำดับที่ 12


ตัวอย่างที่ 3

ถ้อยความจากซูเราะห์ อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 90 พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

بِئْسَمَا اشْتَرَوا بِهِ أنْفُسَهُمْ أن يَكْفُرُوا بِمَا أنْزَلَ اللهُ بَغْيًا

“ช่างชั่วช้าจริงๆ ในสิ่งที่พวกเขาขายตัวเองด้วยกับมัน ในการปฏิเสธสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานมา ทั้งนี้เพราะความอิจฉา”


ชีอะห์อ้างว่าข้อความในอายะห์ข้างต้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ เขาอ้างว่าถ้อยความที่สมบูรณ์ต้องเป็นไปตามรายงานที่อ้างดังนี้

عن أبي جعفر قال نزل جبرائيل عليه السلام بهذه الآية علي محمد هكذا

“รายงานจากอบีญะอ์ฟัรได้กล่าวว่า ญิบรออีล อลัยฮิสสลามได้นำอายะห์นี้มาให้แก่มูฮัมหมัด อย่างนี้ว่า

بئسما اشتروابه أنفسهم أن يكفروا بما أنزل الله في علي بغيا

“ช่างชั่วช้าจริงๆ ในสิ่งที่พวกเขาขายตัวเองด้วยกับมัน ในการปฏิเสธสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานมา เกี่ยวกับอาลี ทั้งนี้เพราะความอิจฉา”
จากอัซซาบิก เล่มที่ 1 หน้าที่ 417

ความจริงในอัลกุรอานแต่ละอายะห์จะมีข้อความเกี่ยวเนื่องมาจากอายะห์ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เป็นโองการที่กล่าวลอยโดยหาที่มาที่ไปไม่ได้ โดยเฉพาะในอายะห์ที่ 90 ของซูเราะห์อัลบะกอเราะห์นี้ ที่พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวถึงพฤติกรรมของบนีอิสราอีลไว้ก่อนหน้านั้น แล้วได้ทรงตำหนิพวกเขาถึงการปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานลงมาให้แก่ท่านนบีมูฮัหมัด คืออัลกุรอาน ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาของพวกเขา โดยพวกเขาเองก็เคยได้รับคัมภีร์ (อัตเตารอตและอินญีล) แต่พวกเขาก็ปฏิเสธบางส่วนและยอมรับในบางส่วนเฉพาะที่ถูกใจ และพวกเขาเองก็เคยมีนบีในหมู่ชนของเขา แต่พวกเขาก็ไล่ฆ่า (นบีอีซา) ครั้นเมื่อนบีมูฮัมหมัดได้นำเอาอัลกุรอานมาโดยยืนยันคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาก่อน ทั้งๆที่พวกเขาก็ทราบดี แต่พวกเขาก็ปฏิเสธด้วยความอิจฉาริษยา มันช่างชั่วช้าจริงๆ นี่คือเรื่องราวโดยสรุปของความเกี่ยวเนื่องอายะห์นี้กับอายะห์ก่อนหน้านี้ แล้วอย่างไรเล่าที่ชีอะฮ์จะกล่าวว่า ข้อความสมบูรณ์ของอายะห์นี้ถูกระบุชื่อท่านอาลีด้วย หรือชีอะฮ์จะให้ชาวโลกเข้าใจว่าพวกยะฮูดและนะศอรอ อิจฉาท่านอาลี เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


ตัวอย่างที่ 4

ถ้อยความจากซูเราะห์ อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 23 พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وَانْ كُنْتُمْ فِي رَيْبٍ مِمَّا نَزَّلْنَا عَلى عَبْدِنَا فَأتُوا بِسُوْرَةٍ مِن مِثْلِهِ

“และหากพวกเจ้ายังอยู่ในความสงสัยในสิ่งที่เราได้ประทานมาให้แก่บ่าวของเรา ดังนั้นก็จงนำสักบทหนึ่งให้เหมือนกัน”


ชีอะห์กล่าวอ้างว่า ข้อความที่สมบูรณ์ของอายะห์นี้ถูกรายงานมาดังนี้

عن جابر قال نزل جبرائيل عليه السلام بهذه الآية على محمد هكذا

“รายงานจากญาบิรว่า ญิบรออีล อลัยฮิสลาม ได้นำอายะห์นี้มาให้แก่มูฮัมหมัด อย่างนี้”

وان كنتم في ريب مما نزلنا على عبدنا في علي فأتوا بسورة من مثله

“และหากพวกเจ้ายังอยู่ในความสงสัยในสิ่งที่เราได้ประทานมาให้แก่บ่าวของเรา เกียวกับอาลี ดังนั้นก็จงนำสักบทหนึ่งให้เหมือนกัน”
จากซัรฮุลอุศูลิลกาฟี เล่มที่ 7 หน้าที่ 66

ข้อความที่ชีอะฮ์นำมาอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอานนั้น ถ้าเราไม่ได้กลับไปดูที่มา หรือพิจารณาถึงความเกี่ยวเนื่องของอายะห์ก่อนหน้านี้ เพียงแค่อ่านข้อความในประโยคทั้งหมดเราก็จะพบว่ามีข้อความที่ชีอะฮ์อ้างนั้นขัดแย้งกันอย่างชัดเจน กล่าวคือ ถ้าพวกเจ้าสงสัยในเรื่องท่านอาลีก็ให้ไปนำอัลกุรอานมาบทหนึ่งให้เหมือนกับที่ท่านนบีมูฮัมหมัดนำเอามา แล้วมันเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร

แต่ถ้าได้พิจารณาตั้งแต่ต้นของซูเราะห์นี้จะพบว่า ในช่วงต้นพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวถึงอัลกุรอานและยืนยันว่าไม่มีข้อสงสัยเคลือบแคลงใดๆ ต่อจากนั้นได้แจ้งลักษณะของผู้ศรัทธา ต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ และได้ทรงแฉพฤติกรรมของบรรดามุนาฟีกีน หลังจากนั้นได้เรียกร้องเชิญชวนสู่การศรัทธาและยืนยันในการเป็นพระเจ้าของพระองค์ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ช่วงต้นของซูเราะห์ไม่มีการกล่าวถึงท่านอาลีเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพระองค์เรียกร้องให้พวกเขาพิสูจน์ว่าอัลกุรอานเป็นคัมภีร์จากพระองค์อัลลอฮ์ที่มอบให้แก่ท่านนบีมูอัมหมัดจริงๆ กลับมีเรื่องของท่านอาลีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ......แปลกจริงๆ .....ทั้งที่พระองค์อัลลออ์ได้ทรงกล่าวว่า หากพวกเขาสงสัยเรื่องอัลกุรอาน แต่ชีอะฮ์กลับแหกโค้งอ้างว่า หากพวกเขาสงสัยเรื่องท่านอาลี คนลเรื่องกันเลย


ตัวอย่างที่ 5

ถ้อยความจากซูเราะห์ อัลมะอาริจญ์ อายะห์ที่ 1 และ 2 พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

سأل سائل بعذاب واقع * للكافرين ليس له دا فع

“คนหนึ่งได้ขอให้เขาประสบกับการลงโทษที่จะมีขึ้น * สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นไม่มีผู้ใดปกป้องให้รอดพ้นได้”


ชีอะห์กล่าวอ้างว่า ข้อความที่สมบูรณ์ของอายะห์นี้ถูกรายงานมาดังนี้

عن أبي عبد الله قال هكذا والله نزل بها جبرائيل عليه السلام علي محمد صلى الله عليه وآله

“รายงานจากอบีอับดิลลาห์ว่า อย่างนี้แหละขอสาบานต่อัลลอฮ์ ที่ญิบรอีลนำมาให้แก่มูฮัมหมัด ขออัลลอลอ์ทรงให้พรแด่ท่านและวงศ์วานของท่าน”

سأل سائل بعذاب واقع للكافرين بولاية علي ليس له دا فع

“คนหนึ่งได้ขอให้เขาประสบกับการลงโทษที่จะมีขึ้น * สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ การปกครองของอาลีนั้นไม่มีผู้ใดปกป้องให้รอดพ้นได้”
จากอุศูลุ้ลกาฟี เล่มที่ 1 หน้าที่ 422

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ซูเราะห์อัลมะอาริจญ์นั้นเป็นซูเราะห์มักกียะห์ คือถูกประทานลงมาก่อนที่ท่านนบีและเหล่าศอฮาบะห์จะอพยพออกจากนครมักกะห์สู่นครมะดีนะห์ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่ถูกระบุไว้จึงเป็นเหตุการณ์ของการเผชิญหน้ากันระหว่างการประกาศอิสลามของท่านนบีและเหล่าบรรดากุฟฟาร,มุชรีกีนในนครมักกะห์ ซึ่งขณะนั้นรัฐอิสลามยังไม่ได้เกิดขึ้น แล้วการปกครองของอาลีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร นี่เป็นการโกหกแบบไม่ลืมหูลืมตา

เหตุแห่งการประทานอายะห์นี้เนื่องจากการเย้ยหยันของบรรดามุชรีกีนที่มีต่อคำสอนของท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม พวกเขาเย้ยหยันพระเจ้าและการลงทัณฑ์จากพระเจ้า โดยนาย อันนัดาร์อิบนิฮาริส กล่าวเย้ยหยันว่า หากการลงโทษจากพระเจ้าของมุฮัมหมัดมีจริงก็ขอให้ประสบกับตัวเขาและพวกพ้องของเขาโดยพลัน แล้วเกี่ยวอะไรกับการปกครองของท่านอาลี หรือชีอะห์จะอ้างว่าการประกาศอิสลามของท่านนบีในนครมักกะห์นั้นเรียกร้องไปสู่การให้การยอมรับต่อท่านอาลีในการดำรงตำแห่งอิหม่าม ช่างเลอะเทอะเสียนี่กระไร


สิ่งที่นำมาเสนอข้างต้นนี้เป็นเพียงบางส่วนจากตำราของชีอะฮ์เอง เราไม่ได้กล่าวเท็จต่อพวกเขาแต่ประการใด ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงอะกีดะห์ของชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองเกี่ยวกับอัลกุรอาน หากเราดูเนื้อหาและความหมายที่พวกเขาต่อเติมแล้วจะพบว่า ข้อความแต่ละประโยคล้วนแต่เป็นการพูดถึงตำแหน่งการปกครองของท่านอาลี และบรรดาอิหม่ามสืบต่อจากท่านอาลีทั้งสิ้น และหากว่าข้อความเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอานจริง ก็เท่ากับว่า ท่านอาลีได้ถูกตั้งให้เป็นคอลีฟะห์แล้วในขณะที่ท่านนบียังมีชีวิตอยู่ และท่านได้รับการแต่งตั้งก่อนการอพยพเสียด้วยซ้ำไป แล้วไฉนเล่าที่ชีอะฮ์พยายามอ้างเหตุการณ์ที่ฆอดีรคุม ว่าท่านนบีได้ประกาศให้ท่านอาลีเป็นผู้ปกครองสืบต่อจากท่าน เพราะเหตุการณ์ที่ฆ่อดีรคุมนั้นเป็นช่วงที่ท่านนบีและเหล่าศอฮาบะห์เดินทางกลับจากการทำฮัจญ์ และเป็นปีที่ท่านนบีได้เสียชีวิต

อีกประการหนึ่งก็คืออัลกุรอานที่นำเสนอบางอายะห์เป็นมักกียะห์ (ประทานลงมาก่อนการอพยพ) และบางส่วนเป็นมะดะนียะห์ (ประทานลงมาหลังการอพยพ) และการที่ชีอะฮ์นำเรื่องเท็จมาปนกับอัลกุรอานแล้วอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอานด้วยนั้น ยิ่งเพิ่มการโกหกและการเป็นกาเฟรให้ชีอะฮ์มากยิ่งขึ้น เพราะในขณะที่ท่านนบีประกาศอิสลามที่นครมักกะห์นั้น รัฐอิสลามโดยการปกครองของท่านนบียังไม่ได้เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป และตำราทุกเล่มต่างก็ยืนยันว่าท่านอาลีเป็นเด็กคนแรกที่รับอิสลาม หรือว่าถ้อยความนั้นจะประกาศให้เด็กที่ชื่ออาลีเป็นผู้ปกครอง

และถ้าข้อความที่แอบอ้างเหล่านั้นเป็นอัลกุรอานจริง ก็เท่ากับท่านอาลีได้ฝ่าฟืนในการทำหน้าที่คอลีฟะห์ต่อจากนบี เพราะหลังจากท่านนบีเสียชีวิต ท่านอาลีก็ไม่ได้เรียกร้องสิทธิ์นี้เลย ยังคงปล่อยให้ท่านอบูบักร์,ท่านอุมัร,ท่านอุสมาน ทำหน้าที่คอลีฟะห์สืบต่อกันมาหลายสมัย ทำไมท่านอาลีจึงเป็นผู้ฝ่าฝืนอัลกุรอาน (ตามที่ชีอะฮ์อ้าง) ตั้งหลายปี แล้วผู้ที่ฝ่าฝืนอัลกุรอานจะเป็นอิหม่ามได้หรือ

และถ้าท่านอาลีจงใจฝ่าฝืนอัลกุรอาน (ตามที่ชีอะฮ์อ้าง) ท่านจะยังคงอยู่ในฐานะมะอ์ซูมอีกหรือ แล้วไหนเล่า ที่ชีอะฮ์อ้างว่าบรรดาอิหม่ามของชีอะอ์เป็นมะอ์ซูม (ผู้ไร้มลทินปราศจากความผิด)

หรือว่าท่านอาลีหวาดกลัว ไม่กล้าแสดงตน ทำไมท่านอาลีในการกุเท็จของชีอะฮ์ ถึงได้กลายเป็นคนขี้ขลาดทั้งๆ ที่ท่านได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้กล้าหาญ แล้วคนขี้ขลาดจะเป็นอิหม่ามได้หรือ


เราไม่เข้าใจว่า การที่ชีอะฮ์กุเท็จ นำอัลกุรอานปลอมมาแอบอ้างนั้น เพื่อสนับสนุนท่านอาลี หรือว่าเพื่อตำหนิท่านอาลีกันแน่ เพราะเป็นที่ทราบตรงกันว่า หลังจากท่านนบีได้เสียชีวิต ท่านอบูบักร์,ท่านอุมัร และท่านอุสมานได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ตามลำดับ แต่หลังจากท่านอาลีได้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ต่อจากท่านอุสมานแล้ว ทำไมท่านอาลีถึงปล่อยให้ข้อความที่อ้างว่าเป็นอัลกุรอานหายไปตั้ง 3 สมัย แล้วในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ ทำไมไม่จัดการเรื่องนี้ ทั้งที่อำนาจและหน้าที่ก็อยู่ในมือแล้ว ทำไมท่านจึงไม่จัดการให้ครบถ้วน หรือว่าท่านละเลยหน้าที่ แล้วคนที่ละเลยหน้าที่ จะเป็นอิหม่ามได้หรือ










สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2006-12-28 (7906 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]