ค้นหา  ·  หัวข้อเรื่อง  ·  เข้าระบบ  ·  เผยแพร่เรื่อง
                      สมัครสมาชิก  

หนังสือใหม่

ผลงานล่าสุด
ของ อ.ฟารีด เฟ็นดี้


อีซีกุโบร์



พิธีกรรมยอดฮิตติดอันดับของเมืองไทย อิซีกุโบร์ พิธีกรรมเซ่นสังเวยดวงวิญญาณ วิเคราะห์เจาะลึกถึงที่มาพร้อมวิเคราะห์หลักฐาน คนกินข้าว ผีกินบุญ จริงหรือ ?

อุศ็อลลี



เหนียตและการตะลัฟฟุซแตกต่างกันอย่างไร แสดงที่มาของการกล่าวอุศ็อลลี แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

ซัยยิดินา



การเพิ่มซัยยิดินาในศอลาวาต เป็นฮะดีษศอเฮียะห์จริงหรือ แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

การยกมือตั๊กบีร
ระหว่างสองสุญูด




การยกมือตั๊กบีรระหว่างสองสุญูด เป็นซุนนะห์จริงหรือ วิเคราะห์หลักฐานที่กล่าวกันว่าท่านนบีกระทำเป็นบางครั้งจริงหรือไม่

วะบิฮัมดิฮี



หลักฐานการอ่านวะบิฮัมดิฮีในรุกัวอ์และสุญูดถูกต้องหรือ เชคอัลบานีว่าเป็นฮะดีษ ศอเฮียะห์จริงหรือไม่ พิสูจน์หลักฐานตามศาสตร์ของฮะดีษ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอ

วาญิบต้องศอลาวาต
ในตะชะฮุดแรกหรือ




ชี้แจงมุมมองของเชคอัลบานี ที่ตกทอดสู่เมืองไทย ถ้าไม่อ่านศอลาวาตในตะชะฮ์ฮุดแรกละหมาดใช้ไม่ได้ หากลืมก็ต้องสุญูดซะฮ์วี จริงหรือ อ่านวิเคราะห์หลักฐานทางวิชาการ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอง

รู้ทันชีอะฮ์



เผยกลลวงของชีอะห์ในการดึงมุสลิมออกจากอิสลาม
ตอบโต้ข้อกล่าวหา,ใส่ร้าย,ประณามศอฮาบะห์

ติดต่อและสั่งซื้อได้ที่
คุณยะอ์กู๊บ น้อยนงค์เยาว์
084 0004619


รวมวิดีโอ

>>..ดูทั้งหมด..<<


เมนูหลัก

 บริการหลัก
หน้าแรก
ถามตอบ
ติดต่อสอบถาม
แนะนำบอกต่อ
ค้นหา
แสดงสถิติ
ผลสำรวจ
ยอดฮิตติดอันดับ
 บริการสมาชิก
รายนามสมาชิก
 บริการข่าวสาร
 บริการอื่นๆ
ดาวน์โหลด
วิดีโอบรรยาย
ห้องแสดงภาพ
ฮะดีษแปลไทย


บทความรายวิชา








วิเคราะห์ข้อขัดแย้ง

  ศอฮาบะห์กางเต้นท์อ่านอัลกุรอานบนกุโบร์หรือ
  อัลกอมะห์กับแม่
  อิสลามเปลี่ยนวันใหม่ตอนมักริบไม่ใช่เที่ยงคืน
  เฝ้ากุโบร์ไม่ฮะราม..หรือ
  วิพากษ์หลักฐานเรื่องทำกุรบานให้คนตาย
  ถือศีลอดสิบวันแรกเดือนซุ้ลฮิจญะห์เป็นฮะดีษศอเฮียะห์หรือไม่
  วันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ที่ไม่มีอะรอฟะห์
  มีหลักฐานห้ามไหม
  กล่าวเท็จต่อท่านนบีว่า ท่านอ่านอัลกุรอานในกุโบร
  วิพากษ์หลักฐานการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์ ตอนที่ 3 คำรายงานที่ถูกต้องจากอิบนิอุมัร

[ดูเรื่องทั้งหมด]

บทความทั่วไป

  ทำบุญประเทศ
  เมื่อโลกหยุดหมุน
  ผีแม่ซื้อ
  ประเพณีการแต่งงานของมุสลิมภาคใต้
  อาซูรอ 10 มุฮัรรอม กับตำนานกวนซุฆอ
  เมาตาคือใคร
  ...ทาส... ตอนที่ 2
  ...ทาส... ตอนที่ 1
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 2
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 1

[ดูเรื่องทั้งหมด]

เหมือนหรือต่าง

ภาพเปรียบเทียบระหว่างพิธีการทรมานตนเองของชาวชีอะฮ์ อิหม่าม 12 ในวันที่ 10 มุฮัรรอมของทุกปี กับม้าทรงของศาลเจ้าสามกอง ในงานประจำปี จ.ภูเก็ต


ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง


เวบลิ้งค์

มรดกอิสลาม
อัซซุนนะห์
ซุนนะห์ไซเบอร์
ชมรมวะรอซะตุซซุนนะฮฺ แนวร่วมมุสลิมต่อต้านรอฟิเฏาะ - ร่วมต่อต้านวันนี้ หรือจะรอให้สายเกินไป



ศอฮาบะห์ในมุมมองของชีอะห์




ศอฮาบะห์ คือ บุคคลในยุคต้นที่ได้พบและศรัทธาต่อท่านนบี และตายในสภาพที่เป็นมุสลิม นี่คือคำจำกัดความคำว่า “ศออาบะห์” ในทัศนะของปวงปราชญ์มุสลิมทุกสมัย ในทางภาษานั้นผู้ศรัทธาที่เป็นชายจะถูกเรียกว่า “ศอฮาบะห์” ส่วนผู้ศรัทธาที่เป็นหญิงจะเรียกว่า “ศอฮาบียะห์” แต่คนบ้านเรามักจะเรียกพวกเขาว่า ศอฮาบะห์ โดยไม่ได้จำแนกว่าเพศชายหรือหญิง



ไม่มีผู้ใดสามารถระบุจำนวนศอฮาบะห์ของท่านนบีได้ว่า มีจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่ แต่มีมากกว่า 100,000 คนขึ้นไป ในนั้นมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง บางคนเป็นญาติใกล้ชิดกับท่านนบีแต่ก็ไม่ได้อยู่ในฐานะของศอฮาบะห์ เช่นลุงของท่านนบีที่ชื่อ อบูละฮับ หรืออบูตอเล็บ ที่ไม่ได้เป็นผู้ศรัทธา ส่วนญาติใกล้ชิดกับท่านนบีที่เป็นผู้ศรัทธาและอยู่ในฐานะศอฮาบะห์ เช่นท่านอับบาส ซึ่งเป็นลุงของท่านนบี หรือลูกชายของท่านที่ชื่ออับดุลลอฮ์ (อิบนิอับบาส) ก็มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านนบี เช่นเดียวกับท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องและต่อมาได้เป็นลูกเขยของท่านนบีด้วย เช่นเดียวกับท่านอสุมาน บินอัฟฟาน ที่เป็นลูกเขยของท่านนบีสองครั้ง จนได้รับฉายาว่า “ซุ้ลนูรอยนี่” (เจ้าของรัศมีทั้งสอง) หรืออย่างท่านอบูบักร์ อัซซิดดีก ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเป็นพ่อตาของท่านนบี และท่านอุมัร อิบนุค๊อตตอบ ก็เป็นพ่อตาอีกคนหนึ่งของท่านนบีเช่นเดียวกัน บางคนแม้จะไม่มีความสัมพันธ์ในทางเครือญาติโดยตรงแต่ก็เป็นคนสนิทกับครอบครัวของท่านนบี เช่นเซด อิบนุฮาระซะห์ ที่ได้อยู่กับท่านนบีมาตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งผู้คนในขณะนั้นเรียกกันว่า อิบนุมูฮัมหมัด (ลูกของมูฮัมหมัด) และบางคนก็อยู่ต่างแดนที่ดั้นด้นมารับอิสลามกับท่านนบี เช่นท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ (เป็นชาวเปอร์เซีย) อย่างนี้เป็นต้น


เนื่องจากศอฮาบะห์ของท่านนบีมารับอิสลามไม่พร้อมกัน บางท่านก็รับอิสลามในช่วงที่นบีประกาศอิสลามที่นครมักกะห์ และได้อพยพออกจากมักกะห์ในคราวเดียวกัน ศอฮาบะห์กลุ่มนี้จึงถูกเรียกว่า มุฮาญีรีน (บรรดาผู้อพยพ) เช่นท่านอบูบักร์, ท่านอุมัร อิบนุค๊อตตอบ, ท่านอุสมาน บินอัฟฟาน, และท่านอาลี อิบนิอบีตอเล็บ,ท่านบิลาล อิบนุริยาอ์ เป็นต้น ส่วนศอฮาบะห์ที่อยู่นครยัสริบ (ชื่อเดิมของนครมะดีนะห์) ที่ได้ให้ความช่วยเหลือบรรดาผู้อพยพนั้นถูกเรียกว่า อันศอร (บรรดาผู้ให้ความช่วยเหลือ) เช่นท่านรอเฟียะอ์ บินมาลิก,ท่านอุบาดะห์ อิบนุส ศอมิต เป็นต้น บางคนได้ออกร่วมรบพร้อมกับท่านนบีตั้งแต่สมรภูมิครั้งแรก จึงถูกเรียกว่า อะห์ลุ้ลบะดัร (ชาวสมรภูมิบะดัร) เช่นท่านซะอด์ บินมุอาซ, อัลมิกดาร อิบนุลอัสวัด เป็นต้น บางคนได้ร่วมในเหตุการ์สัตยาบรรณกับท่านนบี จึงถูกเรียกว่า อะห์ลุ้ลอะกอบะห์ (บรรดาผู้ร่วมสัตยาบรรณอะกอบะห์ ครั้งที่ 1 หรือครั้งที่ 2) เช่นท่านญาบิร บินอับดิลลาฮ์ หรือท่านอับดุลลอฮ์ บินญุบัยร์ เป็นต้น

บางคนได้รับอิสลามในช่วงปลายในปีพิชิตมักกะห์เช่น อบีซุฟยาน หรือ ท่านฮะกัม บินฮิซาม นอกจากนั้นก็ยังมีศอฮาบะห์รุ่นเยาว์ที่ได้ร่วมฮัจญ์ครั้งสุดท้ายกับท่านนบี เช่น อัซซาอิบ บินยะซีด, อับดุลลอฮ์ บินซะอ์ละบะห์ เป็นต้น

ความเชื่อของชีอะฮ์ในเรื่องศอฮาบะห์

เราไม่อาจกล่าวโดยปราศจากหลักฐานว่าชีอะห์มีความเชื่อในเรื่องของศอฮาบะห์เช่นไร เพราะเนื่องจากชาวชีอะห์ถือหลัก “ตะกียะห์” หมายถึงการอำพรางตน ซึ่งเขาอาจจะกล่าวในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เขาเชื่อก็ได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นบาป เช่นถ้าเราบอกว่า ชีอะห์ด่าประณามศอฮาบะห์ พวกเขาก็จะพูดว่า พวกเขาไม่ได้ด่า พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เหมือนอย่างที่พวกเขาปฏิเสธว่า พวกเคยไม่เคยประณามท่านหญิงอาอิชะห์ว่า เป็นแม่เล้า นั่นแหละ
เพราะฉะนั้นเราจะให้ตำราของชีอะห์เป็นสิ่งที่บอกตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาว่า เขาเชื่อในเรื่องศอฮาบะห์กันอย่างไร และต่อไปนี้เป็นบางส่วนจากตำราของพวกเขาเอง

1 . อัลกุลัยนี่ ได้บันทึกไว้ในหนังสือ ฟุรัวอุ้ลกาฟี ดังนี้

عن جعفر عليه السلام قال كان الناس أهل ردة بعد النبي صلى الله عليه وسلم الا ثلاثة فقلت من الثلاثة فقال المقداد بن الأسود وأبو ذر الغفاري وسلمان الفارسي

ท่านญะอ์ฟัร อลัยฮิสสลาม ได้กล่าวว่า “บรรดาผู้คนได้ตกศาสนาหลังจากนบีทั้งหมด เหลืออยู่ 3 คนเท่านั้น” ผู้รายงานถามว่า 3 คนนั้นคือใคร “เขาตอบว่า อัลมิกดาด บุตรของ อัลอัสวัด, อบูซัรริน อัลฆิฟารีย์, และซัลมาน อัลฟารีซีย์” จากฟุรัวอุ้ลกาฟีย์ โดยอัลกุลัยนีย์ หน้าที่ 115

2. อัลมัจลิซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ บิฮารุ้ลอันวาร ดังนี้

أن مولى لعلي بي الحسين قال كنت معه عليه السلام في بعض خلواته فقلت ان لي عليك حقا الا تخبرني عن هذين رجلين عن أبي بكر وعمر فقال كافران كافرمن أحبهما

“ผู้รับใช้ท่านอิหม่ามอาลี บุตรของ อัลฮุเซนกล่าวว่า ฉันเคยอยู่กับท่านอิหม่าม อลัยฮิสสลาม ใชช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งฉันได้กล่าวกับท่านอิหม่ามว่า หน้าที่ของท่านพึงปฏิบัติต่อฉันคือการที่ท่านจะต้องบอกแก่ฉันเกี่ยวกับชายสองคนนี้คือ อบูบักร์และอุมัร ท่านตอบว่า ทั้งสองเป็นกาเฟร และคนที่รักเขาทั้งสองก็เป็นกาเฟรด้วย”


وعن أبي حمزة الشمالي أنه سأل علي بن الحسين عنهما فقال كافران كافر من تولا هما

“และจากอบีฮัมซะห์ อัซซีมาลีย์ รายงานว่า เขาได้ถามท่านอาลี บุตรของ อัลฮุเซน เกี่ยวกับคนทั้งสอง ท่านตอบว่า ทั้งสองเป็นการเฟร และผู้ที่เป็นมิตรกับคนทั้งสองก็เป็นกาเฟรด้วย”
จากหนังสือบิฮารุ้ลอันวาร โดยอัลมัจลีซีย์ ที่ 69 หน้าที่ 137 และ 138

3. ในหนังสือตัฟซีรของชีอะห์ โดยอัลกุมมีย์ ได้อธิบายข้อความส่วนหนึ่งจากซูเราะห์อัลนะฮล์ อายะห์ที่ 90 ที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وينهى عن الفحشاء والمنكر والبغي

“และ (อัลลอฮ์) ห้ามการกระทำลามาอนาจาร,การทำชั่ว และความอธรรม”


อัลกุมมีย์ได้อธิบายว่า الفحشاء คืออบูบักร์ المنكر คืออุมัร البغي คืออุสมาน จากหนังสือตัฟซีรอัลกุม เล่มที่ 1 หน้าที่ 390

ข้อพิสูจน์ความเชื่อของชีอะฮ์

ที่กล่าวมาแล้วคืออะกีดะห์ของชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองในเรื่องศอฮาบะห์ ที่ถูกเปิดเผยโดยตำราของพวกเขาเอง ซึ่งทำให้เราเข้าใจในจุดยืนของพวกเขาที่มีต่อบรรดาศอฮาบะห์ที่แตกต่างไปจากมุสลิมทั้งโลก และที่สำคัญก็คือแตกต่างไปจากข้อยืนยันที่มีอยู่ในอัลกุรอานและฮะดีษของท่านรอซูล
ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า

لاَ تَسُبُّوا أصْحَابِي فَلَوْ أنَّ أحَدَكُمْ أنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا بَلَغَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نِصْفَهُ

“พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้ด่าประณามศออาบะห์ของฉัน เพราะหากพวกท่านบริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด”
รายงานโดยอบีสะอี๊ด อัลคุรีย์ บันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 3397

แต่เหล่าชีอะห์ไม่เพียงแค่ด่าประณามศอฮาบะห์เท่านั้น แต่พวกเขากลับให้ข้อหาบรรดาศอฮาบะห์ว่าเป็นกาเฟร ตกมุรตัด สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมหลังจากที่ท่านนบีจากไป ไม่เว้นแม้แต่ท่านอบูบักร์ และท่านอุมัร ซึ่งทั้งสองท่านนี้เป็นพ่อตาของท่านนบี และหากท่านทั้งสองและบรรดาศอฮาบะห์ไม่ได้อยู่ในสถานะกาเฟร เหล่าชีอะฮ์ก็จะต้องรับข้อหากาเฟรเสียเอง เพราะท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

لاَ يَرْمِي رَجُلٌ رَجُلاً بِالفُسُوْقِ وَلاَ يَرْمِيْهِ بِالكُفْرِ اِلاَّ ارْتَدَّتْ عَليْهِ اِنْ لَمْ يَكُنْ صَاحِبُهُ كَذَلِكَ

“คนใดก็ตามจะไม่ใส่ร้ายผู้อื่นด้วยข้อหาว่าชั่ว และจะไม่ใส่ร้ายผู้อื่นด้วยข้อหากาเฟร นอกจากผู้กล่าวหาจะตกศาสนาเอง หากผู้ถูกกล่าวหามิได้เป็นเช่นนั้น”
รายงานโดยอบูซัรริน บันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 5585

ฮะดีษข้าต้นนี้ชีอะฮ์ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะผู้รายงานชื่อ อบูซัรริน อัลฆิฟารีย์ ซึ่งตามรายงานของชีอะฮ์ข้างต้นได้ยอมรับว่าท่านอบูซัรริน ยังคงเป็นมุสลิมหลังจากท่านนบีจากไป
ฉะนั้นเมื่อข้อหากาเฟรได้ถูกตั้งขึ้นมา แน่นอนว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบต่อข้อหานี้ว่า สถานะกาเฟรจะไปตกอยู่กับผู้ใด ระหว่างบรรดาศอฮาบะห์ของท่านรอซูล (ผู้ถูกกล่าวหา) กับชีอะห์อิหม่ามสิบสอง (ผู้กล่าวหา) เราไปตรวจสอบเรื่องนี้จากอัลกุรอานและฮะดีษของท่านนบีดังต่อไปนี้
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

اِلاَّ تَنْصُرُوْهُ فَقَدْ نَصَرَهُ اللهُ اِذْ أخْرَجَهُ الَّذِيْنَ كَفَرُوا ثَانِي اِثْنَيْنِ اِذْ هُمَا فِي الغَارِ اِذْ يَقُوْلُ لِصَاحِبِهِ لاَ تَحْزَنْ اِنَّ اللهَ مَعَنَا

“หากพวกเจ้าไม่ช่วยเหลือเขา แน่อนว่าอัลลอฮ์ได้ช่วยเขามาก่อนแล้ว ขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัธทาได้ขับไล่เขาออกไป โดยคนที่สองจากสองคนนั้นขณะที่อยู่ในถ้ำ เมื่อเขาได้กล่าวแก่สหายของเขาว่า อย่าเสียใจแท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่กับเรา”
ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 40

อายะห์ข้างต้นนื้ได้แจ้งถึงสถานภาพการเป็นศอฮาบะห์ของท่านอบูบักร์ อัศศิดดี๊ก โดยยอมเอาชีวิตเข้าแลกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับท่านรอซูล ขณะหนีการไล่ล่าของบรรดากาเฟรมักกะห์ไปหลบอยู่ในถ้ำ ท่านนบีบอกกับท่านอบูบักร์ว่า อย่าเสียใจแท้จริงอัลลอฮ์อยู่กับเรา และหากท่านอบูบักร์เป็นผู้ทรยศต่อท่านนบี ทำไมพระองค์อัลลอฮ์จึงให้การปกป้องคุ้มครองแก่ผู้ทรยศต่อท่านนบีด้วย หากจะกล่าวว่า ขณะนั้นท่านอบูบักร์ยังไม่ได้ตกมุรตัด ก็จะมีคำถามที่ชีอะห์ต้องตอบว่า ชีอะห์จะกล่าวหาว่าอัลลอฮ์ไม่รู้ล่วงหน้าอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างไรเล่าที่ยามหน้าสิ่วหน้าขวานท่านนบีได้เอาคนที่ทรยศต่อท่านเป็นมิตร หรือจะให้เข้าใจว่าท่านนบีถูกหลอกจนตายโดยที่พระองค์อัลลอฮ์ไม่ได้แจ้งให้ท่านนบีทราบ จนกระทั่งท่านนบีไว้วางใจท่านอบูบักร์ทำหน้าที่เป็นอิหม่ามนำละหมาดในยามที่ท่านเจ็บหนักก่อนเสียชีวิต แล้วบรรดาศอฮาบะห์คนอื่นๆก็ละหมาดตามหลังท่านอบูบักร์รวมถึงท่านอาลีด้วย ยิ่งไปกว่านั้นท่านนบียังไว้วางใจต่อท่านอบูบักร์โดยสั่งให้อุมมะห์ของท่าน รวมทั้งท่านอาลีและอะห์ลุ้ลบัยต์คนอื่นๆปฏิบัติตามท่านอบูบักร์ โดยท่านนบี มูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

اِقْتَدُوا بِالَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِى أَبِي بَكْر وَعُمَرَ

"พวกเจ้าทั้งหลายจงตามบุคคลทั้งสองต่อจากฉันคือ อบูบักร์และอุมัร"
รายงานโดยท่านฮุซัยฟะห์ บันทึกโดยอิหม่ามติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 3595

หากท่านอบูบักร์และท่านอุมัรเป็นกาเฟรจริงตามที่ชีอะห์ได้กล่าวอ้าง ก็เท่ากับก็เท่ากับท่านนบีสอนศาสนาผิดพลาด และประชาชาติอิสลามก็อยู่บนความหลงผิดมาตลอด เพราะพระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

يَايُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوا لاَ تَتَّخِذُوا الكَافِرِيْنَ أوْلِيَاءَ مِنْ دُوْنِ المُؤْمِنِيْنَ

“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าได้เอาบรรดากาเฟรมาเป็นมิตรนอกเหนือจากบรรดาผู้ศรัทธาด้วยกัน”
ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 144

คำสั่งของอัลลอฮ์กับคำสั่งของนบีค้านกันอย่างนั้นหรือ ? เพราะอัลลอฮ์บอกว่าอย่าเอามาเป็นมิตรแต่ท่านนบีกลับใช้ให้ตาม หรือชีอะห์จะบอกว่าวะฮีย์ฟของอัลลอฮ์เป็นเท็จ ?
หากท่านอบูบักร์และท่านอุมัรเป็นกาเฟรตามข้อกล่าวหาของชีอะฮ์ แล้วชีอะห์จะตอบอย่างไรเมื่อท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ (อิหม่ามของชีอะฮ์) นั้น
ยอมให้สัตยาบัน (มุบายะอห์) แก่กาเฟรทั้งสอง
อยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาในช่วงการปกครองของกาเฟรทั้งสอง
ละหมาดตามหลังกาเฟรทั้งสอง
และท่านอาลียังยกลูกสาวให้กาเฟรที่ชื่ออุมัร อิบนุค๊อตตอบอีกด้วย

และจากที่กล่าวแล้ว ทำให้เกิดข้อกังขาว่าท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบจะเป็นมะอ์ซูม (อิหม่ามผู้ไร้มลทิน) ได้อย่างไร ก็ไหนเล่าที่ชีอะห์ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ท่านอาลีเป็นหัวหน้าอะห์ลุ้ลบัยต์ผู้ปราศจากความผิด
หรือว่าการปฏิบัติของท่านอาลีเป็นสิ่งยืนยันการเป็นมุสลิมของท่านอบูบักร์และท่านอุมัร ถ้าเช่นนั้นแล้วชีอะฮ์ผู้กล่าวหาท่านทั้งสองต้องรับสถานะกาเฟรเสียเอง
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وَالسَابِقُوْنَ الأوَّلُوْنَ مِنَ المُهَاجِرِيْنَ وَالأنْصَارِ وَالَذِيْنَ اتَّبَعُوْهُمْ بِاحْسَانٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمْ وَرَضُوا عَنْهُ وَأَعَدَّلَهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِنْ تَحْتِهَا الأنْهَارُ خَالِدِيْنَ فِيْهَا أبَدًا ذَلِكَ الفَوْزُ العَظِيْمُ

"บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมุ่ผู้อพยพ
(มุฮาญีรีน) และบรรดาผู้ให้ความช่วยเหลือ (อันศอร) อีกทั้งบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขาด้วยความดีนั้น พระองค์อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยพวกเขา และพวกเขาก็พอใจต่อพระองค์ด้วย และพระองค์ได้ทรงเตรียมสวรรค์ไว้สำหรับพวกเขา ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องล่าง พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นี่แหละคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่" ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 100

อัลกุรอานอายะห์นี้มิใช่ยืนยันสถานภาพของท่านอบูบักร์และท่านอุมัรว่าเป็นชาวสวรรค์เท่านั้น แต่รวมถึงบรรดาศอฮาบะห์ที่เป็นชาวมุฮาญีรีนและชาวอันศอร และรวมถึงบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขาด้วย หากเรายืนยันว่าอัลกุรอานอายะห์นี้คือความจริง ถ้าเช่นนั้นแล้วคำของอิหม่ามยะอ์ฟัร (อิหม่ามลำดับที่หกของชีอะห์) ที่กล่าวหาว่าบรรดาศอฮาบะห์ตกมุรตัดก็ย่อมเป็นเท็จ แล้วไหนเล่าที่ชีอะห์กล่าวอ้างว่าอะห์ลุ้ลบัยต์อยู่คู่กับอัลกุรอาน ในเมื่อคำของอิหม่ามกับอัลกุรอานไปกันคนละทาง หรือว่าชีอะฮ์จะใส่ร้ายอะห์ลุ้ลบัยต์โดยแอบอ้างคำของท่านอิหม่ามยะอ์ฟัร

แต่ถ้าชีอะห์ยังยืนยันที่จะก่นด่า ประณามศอฮาบะห์อยู่ ก็เท่ากับได้ยืนยันในการประกาศการเป็นกาเฟรด้วยตัวของพวกเขาเอง นอกจากพวกเขาจะเตาบัตตัวแล้วกลับมาเป็นมุสลิมดังประชาชาติอิสลามทั้งมวล

ขอพระองค์อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยต่อบรรดาศอฮาบะห์ของท่านนบีด้วยเถิด









สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2007-01-06 (8771 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]