ค้นหา  ·  หัวข้อเรื่อง  ·  เข้าระบบ  ·  เผยแพร่เรื่อง
                      สมัครสมาชิก  

หนังสือใหม่

ผลงานล่าสุด
ของ อ.ฟารีด เฟ็นดี้


อีซีกุโบร์



พิธีกรรมยอดฮิตติดอันดับของเมืองไทย อิซีกุโบร์ พิธีกรรมเซ่นสังเวยดวงวิญญาณ วิเคราะห์เจาะลึกถึงที่มาพร้อมวิเคราะห์หลักฐาน คนกินข้าว ผีกินบุญ จริงหรือ ?

อุศ็อลลี



เหนียตและการตะลัฟฟุซแตกต่างกันอย่างไร แสดงที่มาของการกล่าวอุศ็อลลี แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

ซัยยิดินา



การเพิ่มซัยยิดินาในศอลาวาต เป็นฮะดีษศอเฮียะห์จริงหรือ แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

การยกมือตั๊กบีร
ระหว่างสองสุญูด




การยกมือตั๊กบีรระหว่างสองสุญูด เป็นซุนนะห์จริงหรือ วิเคราะห์หลักฐานที่กล่าวกันว่าท่านนบีกระทำเป็นบางครั้งจริงหรือไม่

วะบิฮัมดิฮี



หลักฐานการอ่านวะบิฮัมดิฮีในรุกัวอ์และสุญูดถูกต้องหรือ เชคอัลบานีว่าเป็นฮะดีษ ศอเฮียะห์จริงหรือไม่ พิสูจน์หลักฐานตามศาสตร์ของฮะดีษ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอ

วาญิบต้องศอลาวาต
ในตะชะฮุดแรกหรือ




ชี้แจงมุมมองของเชคอัลบานี ที่ตกทอดสู่เมืองไทย ถ้าไม่อ่านศอลาวาตในตะชะฮ์ฮุดแรกละหมาดใช้ไม่ได้ หากลืมก็ต้องสุญูดซะฮ์วี จริงหรือ อ่านวิเคราะห์หลักฐานทางวิชาการ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอง

รู้ทันชีอะฮ์



เผยกลลวงของชีอะห์ในการดึงมุสลิมออกจากอิสลาม
ตอบโต้ข้อกล่าวหา,ใส่ร้าย,ประณามศอฮาบะห์

ติดต่อและสั่งซื้อได้ที่
คุณยะอ์กู๊บ น้อยนงค์เยาว์
084 0004619


รวมวิดีโอ

>>..ดูทั้งหมด..<<


เมนูหลัก

 บริการหลัก
หน้าแรก
ถามตอบ
ติดต่อสอบถาม
แนะนำบอกต่อ
ค้นหา
แสดงสถิติ
ผลสำรวจ
ยอดฮิตติดอันดับ
 บริการสมาชิก
รายนามสมาชิก
 บริการข่าวสาร
 บริการอื่นๆ
ดาวน์โหลด
วิดีโอบรรยาย
ห้องแสดงภาพ
ฮะดีษแปลไทย


บทความรายวิชา








วิเคราะห์ข้อขัดแย้ง

  ศอฮาบะห์กางเต้นท์อ่านอัลกุรอานบนกุโบร์หรือ
  อัลกอมะห์กับแม่
  อิสลามเปลี่ยนวันใหม่ตอนมักริบไม่ใช่เที่ยงคืน
  เฝ้ากุโบร์ไม่ฮะราม..หรือ
  วิพากษ์หลักฐานเรื่องทำกุรบานให้คนตาย
  ถือศีลอดสิบวันแรกเดือนซุ้ลฮิจญะห์เป็นฮะดีษศอเฮียะห์หรือไม่
  วันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ที่ไม่มีอะรอฟะห์
  มีหลักฐานห้ามไหม
  กล่าวเท็จต่อท่านนบีว่า ท่านอ่านอัลกุรอานในกุโบร
  วิพากษ์หลักฐานการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์ ตอนที่ 3 คำรายงานที่ถูกต้องจากอิบนิอุมัร

[ดูเรื่องทั้งหมด]

บทความทั่วไป

  ทำบุญประเทศ
  เมื่อโลกหยุดหมุน
  ผีแม่ซื้อ
  ประเพณีการแต่งงานของมุสลิมภาคใต้
  อาซูรอ 10 มุฮัรรอม กับตำนานกวนซุฆอ
  เมาตาคือใคร
  ...ทาส... ตอนที่ 2
  ...ทาส... ตอนที่ 1
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 2
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 1

[ดูเรื่องทั้งหมด]

เหมือนหรือต่าง

ภาพเปรียบเทียบระหว่างพิธีการทรมานตนเองของชาวชีอะฮ์ อิหม่าม 12 ในวันที่ 10 มุฮัรรอมของทุกปี กับม้าทรงของศาลเจ้าสามกอง ในงานประจำปี จ.ภูเก็ต


ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง


เวบลิ้งค์

มรดกอิสลาม
อัซซุนนะห์
ซุนนะห์ไซเบอร์
ชมรมวะรอซะตุซซุนนะฮฺ แนวร่วมมุสลิมต่อต้านรอฟิเฏาะ - ร่วมต่อต้านวันนี้ หรือจะรอให้สายเกินไป



อัลมาอิดะห์อายะห์ที่ 3 ถูกประทานที่อะรอฟะห์หรือฆ่อดีรคุม




               ชีอะห์ชื่อ l-umar คงจะกระหยิ่มยิ้มย่องโดยคิดว่า พวกเขามีหลักฐานเด็ดที่จะหักล้างบทความที่ผมเขียน จึงไปประโคมข่าวในเว็บมุสลิมไทยว่า


เปิดโปงการหมกเม็ดทางวิชาการฟารีด เฟ็นดี้ แห่งวาฮาบี

เชิญชมว่า ฟารีด เฟ็นดี้ แห่งวาฮาบี หมกเม็ดแบบสุดๆอย่างไรได้เลยคับ


http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=949


               เมื่อเราเข้าไปอ่านตามลิงค์ที่เขาได้ให้ไว้ก็พบข้อความกระทู้หัวข้อ “ดูอาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้ โกหกชาวไทย” และเนื้อหาที่เขานำมาแสดงมีดังนี้


อ้างอิงจากบทความอาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้


www.fareedfendy.com/modules.php?name=Con...showpage&pid=137


พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงประทานอัลกุรอานลงมาว่า


الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا


“วันนี้ข้าได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และความเมตตาของข้าที่มีต่อพวกเจ้าเปี่ยมล้น และข้าพอใจที่ให้อิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า” ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 3


บรรดานักวิชาการต่างยืนยันตรงว่าอายะห์ที่ 3 นี้ถูกประทานลงมาในวันศุกร์ที่ 9 เดือนซุลฮิจญะห์ ปีที่ 10 ฮิจเราะห์ศักราช


ขณะที่ท่านนบีกำลังวุกูฟอยู่ที่ทุ่งอะรอฟะห์ในการทำฮัจญะห์ครั้งอำลาของท่าน และเป็นอายะห์สุดท้ายของอัลกุรอานที่ถูกประทานลง

แต่เหตุการณ์ที่ฆ่อดีรคุมนั้น เกิดขึ้นในวันที่ 18 เดือนซุลฮิจญะห์ หลังจากทำฮัจญ์เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นข้อพิสูจน์ความโกหกของชีอะฮ์อีก


               หลังจากนั้นเขาได้นำข้อความต่อไปนี้มาหักล้างข้อเขียนของผมว่า


อุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ ชื่อ

ท่านอัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดี เกิดฮ.ศ.392 – 463 บันทึกหะดีษไว้บทหนึ่งว่า



حَبْشُوْنُ بْنُ مُوسَى بْنُ أَيُّوبَ أَبُو نَصْرٍ الخَلاَّلُ سَمِعَ عَلِيَّ بْنَ سَعِيدِ بْنِ قُتَيْبَةَ الرَّمْلِيُّ وَالْحَسَنُ بْنُ عَرَفَةَ الْعَبْدِيُّ وَ عَلِيُّ بْنُ عَمْرٍو الْأَنْصَارِيُّ وَ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ إِشْكَابٍ وَ عَبْدُ اللَّه بْن أَيُّوب الْمُخَرِّمِيُّ وَ سُلَيْمَانُ بْنُ تَوْبَةَ النَّهْرَوَانِيّ وَ حَنْبَلُ بْن إِسْحَاق الشَّيْبَانِيُّ
رَوى عَنْهُ أَبُو بَكْر بْن شَاذَان وَ أَبُو الْحَسَن الدَّارَقُطْنِيُّ وَ أَبُو حَفْصٍ بْن شَاهِين وَ أَحْمَدُ بْنُ الْفَرَجِ بْنُ الْحَجَّاجِ وَ أَبُو الْقَاسِمِ بْنُ الثَّلاَّج وَغَيْرُهُمْ وَكاَنَ ثِقَةً يَسْكُنُ باَبَ الْبَصْرَة أَنْبَأَنَا عَبْدُ اللَّهِ بن علي بن محمد بْن بَشْرَانِ أَنْبَأَنَا عَلِيّ بْن عُمَر الْحَافِظُ حَدَّثَنَا أَبُوْ نَصْرٍ حَبْشوْن بْنُ مُوْسَى بْنُ أَيُّوْبَ الْخلاَلُ حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنَ سَعِيْدِ الرَّمْلِيّ حَدَّثَنَا ضَمْرَةُ بْنُ رَبِيعَةَ القرشي عَنِ بْنِ شَوْذَبٍ عَنْ مَطَرٍ الْوَرَّاقِ عَنْ شَهْرِ بْنِ حَوْشَبٍ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ :
مَنْ صَامَ يَوْمَ ثَمَانِ عَشْرَةَ مِنْ ذِي الْحِجَّةِ كُتِبَ لَهُ صِيَامُ سِتِّيْنَ شَهْرًا وَهُوَ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ لَمَّا أَخَذَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِيَدِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ فَقَالَ أَلَسْتُ وَلِيُّ الْمُؤْمِنِينَ قَالُوْا بَلَى يَا رَسُوْلَ اللهِ قاَلَ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ فَقَالَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ بَخٍ بَخٍ لَكَ ياَ بْنَ أَبِي طَالِبٍ أَصْبَحْتَ مَوْلاَيَ وَمَوْلَى كُلِّ مُسْلِمٍ فَأَنْزَلَ اللَّهُ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ


الكتاب : تاريخ بغداد ج 8 / ص 289 رقم الحديث : 4392
المؤلف : أحمد بن علي أبو بكر الخطيب البغدادي
الناشر : دار الكتب العلمية - بيروت
عدد الأجزاء : 14


ความหมายหะดีษ

ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺกล่าวว่า :

บุคคลใดได้ถือศีลอดในวันที่ 18 เดือนซุลหิจญะฮฺ

จะถูกบันทึกสำหรับเขา(ว่าเขา)ได้ถือศีลอดถึง 60 เดือน

และมัน( วันที18 )คือวันที่เฆาะดีรคุม ตอนที่ท่านนบี(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) แล้วกล่าวว่า :

ฉันคือผู้ปกครองของบรรดามุอฺมินทั้งหลายใช่หรือไม่ ?
พวกเขา(บรรดาซออาบะฮฺ)กล่าวว่า : หามิใช่แล้วครับ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ

ท่าน(ศ)จึงกล่าวว่า : บุคคลใดที่ฉันคือผู้ปกครองของเขา ดังนั้นอะลีก็คือผู้ปกครองของเขา

ท่านอุมัรบินคอตตอบได้กล่าวว่า : ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย โอ้บุตรของอบูตอลิบ

(บัดนี้)ท่านได้กลายเป็นเมาลาผู้ปกครองของฉันและผู้ปกครองของมุสลิมทุกคนแล้ว

ดังนั้นอัลลอฮ์จึงทรงประทานโองการนี้ลงมา

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ


วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์แล้ว ... (ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮฺ โองการที่ 3)

อ้างอิงจากหนังสือ

ตารีคบัฆด๊าด โดยอัลเคาะฏีบอัลบัฆดาดี เล่ม 8 : 289 หะดีษที่ 4392

คำถามสำหรับวาฮาบี

ระหว่างอาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้ กับ อัลเคาฏีบอัลบัฆดาดี ใครโกหก ???



...................................................................................................................................................................................


               ดูเหมือนจะเป็นความภูมิใจของชีอะห์อย่างยิ่งยวด ที่สามารถแสดงหลักฐานคัดค้านข้อความบางส่วนของผมตามที่เขาได้แนบลิงค์ไว้ให้ดู แต่เขาหารู้ไม่ว่า เขาได้นำเรื่องเท็จมาหักล้างความจริง

               ความเท็จ

               หนังสือ ตารีคบัฆดาด โดยท่านคอตี๊บ อบูบักร์ อัลบัฆดาดีย์ เป็นหนังอ้างอิงทางด้านประวัติศาสตร์ และไม่ใช่ตำรามาตรฐานทางศาสนา มีทั้งส่วนจริงและเท็จคละเคล้ากันไป และส่วนที่เป็นเท็จนั้นเช่นข้อความที่ชีอะห์ได้นำมาแสดง
               ท่านอิบนิ กะษีร ได้วิจารณ์ ว่า

قلت : وقد روي ابن مردويه من طريق أبي هارون العبدي عن أبي سعيد الخدري : أنها نزلت على رسول الله صلى الله عليه وسلم يوم غديرخم حين قال لعلي : (( من كنت مولاه فعلي مولاه )) ثم رواه عن أبي هريرة وفيه : أنه اليوم الثامن عشر من ذي الحجة يعني مرجعة عليه السلام من حجة الوداع ولا يصح هذا ولا هذا بل الصواب الذي لا شك فيه ولا مرية : أنها أنزلت يوم عرفة وكان يوم الجمعة كما روي ذلك أمير المؤمنين عمر بن الخطاب وعلي بن أبي طالب

“ฉัน (อิบนิกะษีร) กล่าวว่า อิบนุ มัรดุวิฮ์ ได้รายงานด้วยสายของ อบี ฮารูณ อัลอับดีย์ จาก อบี สะอี๊ด อัลคุดรีย์ ว่า : อายะห์นี้ถูกประทานลงมาให้แก่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในวันฆ่อดีรคุม ขณะที่ท่านกล่าวกับอาลีว่า : ((ผู้ใดที่ฉันเป็นที่รักของเขา ดังนั้นอาลีก็เป็นที่รักของเขาด้วย)) หลังจากนั้นเขาได้รายงานจากอบี ฮุรอยเราะห์ โดยมีเนื้อหาเพิ่มเติมว่า : มันเป็นวันที่ 18 เดือนซุ้ลฮิจญะห์ หมายถึงระหว่างท่านนบีเดินทางกลับจาก ฮัจญะตุ้ลวะดาอ์
               เรื่องดังกล่าวนี้ไม่มีความถูกต้องเลย ทว่าที่ถูกต้องโดยไม่มีข้อสงสัยเคลืบแคลงใดๆก็คือ : มันถูกประทานลงมาในวันอะรอฟะห์ ซึ่งเป็นวันศุกร์ ตามที่ อมีรุ้ลมุอ์มีนีน อุมัร อิบนุ้ลค๊อตต๊อบ และอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ ได้รายงานไว้”
ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 2 หน้าที่ 25 - 26

                เมื่อท่านอิบนิกะษีร ได้เผยให้เรารู้ว่า การกล่าวอ้างว่าอายะห์นี้ถูกประทานที่ ฆ่อดีรคุม เป็นเรื่องโกหก และท่านได้ยืนยันว่า ที่ถูกต้องคือ อายะห์นี้ถูกประทานที่ทุ่งอะรอฟะห์ ดั่งที่ท่านอุมัร และท่านอาลี รายงานไว้

               เป็นประเด็นที่สร้างความประหลาดใจให้แก่เราไม่น้อยว่า เพราะเหตุใด ชีอะห์จึงชอบไขว่ขว้าเรื่องเท็จมาแสดง แม้ว่าเรื่องเท็จนั้นจะเป็นการอุปโลกน์โดยกล่าวอ้างบุคคลที่ชีอะห์พึงรังเกียจ เช่นท่านอบู ฮุรอยเราะห์ ก็ตาม ในขณะที่เรื่องจริง ที่รายงานโดยท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ ที่พวกเขากล่าวอ้างว่ารักและเทิดทูน แต่พวกเขากลับทำเมินเฉย

               แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะเอาเรื่องโกหกมาหลอกชาวบ้าน อย่างนี้คือการโกหกซ้อนโกหก ที่อุลามาอ์ชีอะห์ช่ำชอง

               ความจริง

               ข้อความที่ผมแสดงไว้ในบทความว่า อายะห์ถูกประทานมาขณะที่ท่านนบี อยู่ที่ทุ่งอะรอฟะห์ ซึ่งเป็นวันศุกร์ที่ 9 ปี 10 ฮิจเราะห์ศักราช นั้นคือความจริงที่ท่านสามารถอ่านได้จากหนังสือตัฟซีรและตำราบันทึกฮะดีษหลายชุด เนื่องจากการทำฮัจญ์ของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในฮัจญะตุ้ลวะดาอ์นี้ มีบรรดาศอฮาบะห์ที่ร่วมทำฮัจญ์ด้วยนับแสนคน และเหตุการณ์ที่อายะห์นี้ถูกประทานลงมา ก็เป็นที่รับทราบของเหล่าศอฮาบะห์ที่อยู่ ณ.ที่นั้น

               ด้วยเหตุนี้ ฮะดีษที่รายงานเกี่ยวกับการประทานอายะห์นี้จึงเป็นฮะดีษ “มุตะวาเต็ร” หมายถึงมหาชนรายงานตรงกัน

               เราจะลองเปิดตำราที่รู้จักมักคุ้นและหาอ่านกันได้ง่ายๆ จากหนังสือตัฟซีร และฮะดีษดังนี้

وقال ابن مردويه : حدثنا أحمد بن كامل حدثنا موسى بن هارون حدثنا يحيى بن الحماني حدثنا قيس ابن الربيع عن إسماعيل بن سلمان عن أبي عمر البزار عن ابن الحنفية عن علي قال : نزلت هذه الآية على رسول الله صلى الله عليه وسلم وهو قائم عشية عرفة : ( اليوم أكملت لكم دينكم )

“อิบนุ มัรดุวิฮ์ กล่าวว่า : อะห์หมัด บิน กามิล เล่าให้เราฟังว่า มูซา บิน ฮารูณ เล่าให้เราฟังว่า ยะห์ยา บิน อัลฮิมมานีย์ เล่าให้เราฟังว่า กอยซ์ อิบนุลรอเบียะอ์ เล่าให้เราฟัง จาก อิสมาอีล บิน ซัลมาน จาก อบีอุมัร อัลบัซซาร จาก อิบนุลฮะนะฟียะห์ จาก อาลี (อิบนิ อบีฏอลิบ) กล่าวว่า อายะห์นี้ถูกประทานลงมาให้ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ขณะที่ท่านอยู่ที่ทุ่งอะรอฟะห์ในเวลาบ่ายแก่ : (วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว)
ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 2 หน้าที่ 25

وقال أسباط عن السدي : نزلت هذه الآية يوم عرفة فلم ينزل بعدها حلال ولا حرام ورجع رسول الله صلى الله عليه وسلم فمات

“อัสบาฏ ได้กล่าวว่า จาก อัสซุดดีย์ : อายะห์นี้ถูกประทานลงมาในวันอะรอฟะห์ โดยที่ไม่มีข้อบัญญัติเรื่องฮะล้าลหรือฮะรอมถูกประทานลงมาหลังจากมัน และท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กลับมาท่านก็เสียชีวิต”
ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 2 หน้าที่ 23

حدثنا جعفر بن عون أنبأنا أبوعميس عن قيس بن مسلم عن طارق بن شهاب قال جاء رجل من اليهود الى عمر بن الخطاب فقال : يا أمير الؤمنين إنكم تقرءون آية في كتابكم لوعلينا معشر اليهود نزلت لاتخذنا ذلك اليوم عيدا قال : وأي آية ؟ قال قوله ( اليوم أكملت لكم دينكم وأتممت عليكم نعمتي ) فقال عمر : والله إني لأعلم اليوم الذي نزلت على رسول الله صلى الله عليه وسلم والساعة التى نزلت فيها على رسول الله صلى الله عليه وسلم عشية عرفة في يوم الجمعة

“ญะอ์ฟัร บิน อาวน์ เล่าให้เราฟังว่า อบู อุมัยช์ บอกกับเราจาก กอยช์ บิน มุสลิม จาก ฏอริก บิน ซิฮาบ กล่าวว่า ชายผู้หนึ่งจากยะฮูด ได้มาหา อุมัร บิน ค๊อตต๊อบ แล้วกล่าวว่า โอ้อมีรุ้ลมุอ์มีนีน พวกท่านได้อ่านอายะห์หนึ่งในคัมภีร์ของพวกท่าน ถ้าอายะห์นี้ถูกประทานให้แก่พวกเราชาวยะฮูด เราจะเอาวันดังกล่าวเป็นวันอีด เขาถามว่า อายะห์ไหนหรือ ? เขากล่าวว่า (วันนี้ข้าได้ทำให้ศานาของพวกเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และข้าได้ให้ความเมตตาของข้าแก่พวกเจ้าเปี่ยมล้น) อุมัร กล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันรู้ดีว่า วันซึ่งอายะห์นี้ถูกประทานให้แก่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และเวลาที่อายะห์นี้ถูกประทานลงมาให้แก่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เป็นเวลาบ่ายแก่ที่อะรอฟะห์ในวันศุกร์”
มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 182

حدثنا أبوكريب حدثنا قبيصة حدثنا حماد بن سلمة عن عمار هو مولى بني هاشم أن ابن عباس قرأ : ( اليوم أكملت لكم دينكم وأتممت عليكم نعمتي ورضيت لكم الإسلام دينا ) فقال يهودي : لو نزلت هذه الآية علينا لاتخذنا يومها عيدا فقال ابن عباس : فانها نزلت في يوم عيديين اثنين : يوم عيد ويوم جمعة

“อบูกุรัยบ์ เล่าให้เราฟังว่า ก่อบีเศาะห์ เล่าให้เราฟังว่า ฮัมมาด บิน ซะละมะห์ เล่าให้เราฟังจาก อัมมาร เขาเป็นคนรับใช้ของ บนีฮาชิม แท้จริง อิบนิ อับบาส ได้อ่าน (วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และข้าได้ให้ความเมตตาของข้าแก่พวกเจ้าเปี่ยมล้น และข้าพอใจให้อิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า” ชาวยิวกล่าวว่า : หากอายะห์นี้ถูกประทานให้แก่พวกเรา, พวกเราก็จะถือเอาวันนี้เป็นวันอีด อิบนุ อับบาส กล่าวว่า อายะนี้ถูกประทานลงมาในวันที่เป็นสองอีด คือวันอีด และวันศุกร์”
ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 9 หน้าที่ 525

               ในประเด็นนี้มีเรื่องน่าขบขันอยู่นิดหนึ่งคือ คำว่า عيدين اثنين แปลว่าวันอีดทั้งสอง แต่ชีอะห์ได้จับเอาเฉพาะคำว่า اثنين แล้วแปลว่า “วันจันทร์” ดังนั้นเราจึงพบเรื่องตลกปรากฏให้เห็นในบทความของชีอะห์ที่มีอยู่ดาษดื่นว่า วันฆ่อดีรคุม ตรงกับวันจันทร์ที่ 18 เดือนซุ้ลฮิจจญะห์

               ก็ในเมื่อวันศุกร์ตรงกับวันที่ 9 แล้ววันที่ 18 ก็ต้องเป็นวันอาทิตย์ จะเป็นวันจันทร์ไปได้อย่างไรเล่า อย่างนี้เขาเรียกว่า โกหกแบบไม่รอบคอบ

               ตามที่เราได้กล่าวว่า การประทานอายะห์นี้มีรายงานจากศอฮาบะห์ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์มากมาย จนกระทั่งอยู่ในระดับ “มุตะวาเต็ร” แต่ก็เป็นการเพียงพอที่เราได้นำมาแสดงเพียงบางส่วน เพราะมันไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลยกับผู้ที่จิตใจสกปรกที่จะหันมารับฟังความจริง ซึ่งเราไม่ได้หวังว่า หลักฐานเหล่านี้จะสามารถทำให้เหล่าชีอะห์เลิกโกหกได้ เพราะมันเป็นพื้นฐานศาสนาของพวกเขา และพวกเขาก็โกหกจนติดเป็นนิสัย

               แต่เราได้ชี้แจงเรื่องนี้เพื่อให้พี่น้องที่ไม่ทราบที่มาที่ไป จะได้รู้ข้อเท็จจริง และไม่ตกเป็นเหยื่อของลัทธิลวงโลกอีกต่อไป

               ชีอะห์ได้ตั้งคำถามไว้ในท้ายข้อเขียนของเขาว่า

               ระหว่างอาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้ กับ อัลเคาฏีบอัลบัฆดาดี ใครโกหก ???

               คำตอบ ด้วยตัวบทหลักฐานข้างต้นนั้นชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า

               ชีอะห์นิสัยโกหก และชอบไขว่คว้าเรื่องโกหกมาหลอกชาวบ้าน










สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-12-08 (3186 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]