มุสลิม/หมวดที่1/บทที่2/ฮะดีษเลขที่0004
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ، قَالَ كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَوْمًا بَارِزًا لِلنَّاسِ فَأَتَاهُ رَجُلٌ فَقَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الإِيمَانُ قَالَ ‏"‏ أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَكِتَابِهِ وَلِقَائِهِ وَرُسُلِهِ وَتُؤْمِنَ بِالْبَعْثِ الآخِرِ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الإِسْلاَمُ قَالَ ‏"‏ الإِسْلاَمُ أَنْ تَعْبُدَ اللَّهَ وَلاَ تُشْرِكَ بِهِ شَيْئًا وَتُقِيمَ الصَّلاَةَ الْمَكْتُوبَةَ وَتُؤَدِّيَ الزَّكَاةَ الْمَفْرُوضَةَ وَتَصُومَ رَمَضَانَ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الإِحْسَانُ قَالَ ‏"‏ أَنْ تَعْبُدَ اللَّهَ كَأَنَّكَ تَرَاهُ فَإِنَّكَ إِنْ لاَ تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَتَى السَّاعَةُ قَالَ ‏"‏ مَا الْمَسْئُولُ عَنْهَا بِأَعْلَمَ مِنَ السَّائِلِ وَلَكِنْ سَأُحَدِّثُكَ عَنْ أَشْرَاطِهَا إِذَا وَلَدَتِ الأَمَةُ رَبَّهَا فَذَاكَ مِنْ أَشْرَاطِهَا وَإِذَا كَانَتِ الْعُرَاةُ الْحُفَاةُ رُءُوسَ النَّاسِ فَذَاكَ مِنْ أَشْرَاطِهَا وَإِذَا تَطَاوَلَ رِعَاءُ الْبَهْمِ فِي الْبُنْيَانِ فَذَاكَ مِنْ أَشْرَاطِهَا فِي خَمْسٍ لاَ يَعْلَمُهُنَّ إِلاَّ اللَّهُ ‏"‏ ‏.‏ ثُمَّ تَلاَ صلى الله عليه وسلم ‏{‏ إِنَّ اللَّهَ عِنْدَهُ عِلْمُ السَّاعَةِ وَيُنَزِّلُ الْغَيْثَ وَيَعْلَمُ مَا فِي الأَرْحَامِ وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ مَاذَا تَكْسِبُ غَدًا وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ بِأَىِّ أَرْضٍ تَمُوتُ إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ خَبِيرٌ‏}‏ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ ثُمَّ أَدْبَرَ الرَّجُلُ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ رُدُّوا عَلَىَّ الرَّجُلَ ‏"‏ ‏.‏ فَأَخَذُوا لِيَرُدُّوهُ فَلَمْ يَرَوْا شَيْئًا ‏.‏ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ هَذَا جِبْرِيلُ جَاءَ لِيُعَلِّمَ النَّاسَ دِينَهُمْ ‏"


     อบูฮุรอยเราะห์รายงานว่า :

          ขณะที่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ปรากฏตัวต่อสาธรณะในวันหนึ่ง ได้มีชายผู้หนึ่งมาหาท่านโดยกล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลอีหม่าน คืออะไร ท่านตอบว่า คือการที่ท่านต้องศรัทธาต่อพระองค์อัลลลอฮ์,มะลาอิกะห์ของพระองค์,คัมภีร์ของพระองค์,และการพบกับพระองค์ (วันแห่งการสอบสวนและตัดสิน) บรรดาศาสนทูตของพระองค์, และการที่ท่านต้องศรัทธาต่อการฟื้นคืนชีพในวันอาคิเราะห์

          เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลอิสลาม  คืออะไร ท่านตอบว่า อัลอิสลามก็คือ การที่ท่านสักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์โดยไม่มีภาคีใดๆกับพระองค์, และการดำรงละหมาดที่ถูกบัญญัติไว้, การจ่ายซะกาตที่ถูกกำหนดไว้, และการถือศีลอดเดือนรอมฏอน

          เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลเอียะห์ซาน คืออะไร ท่านตอบว่า คือการที่ท่านสักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์ประหนึ่งว่าท่านได้เห็นพระองค์ หากแต่ท่านมิได้เห็นพระองค์ แต่พระองค์ทรงเห็นท่าน

          เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ กาลอวสานจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ท่านตอบว่า หาใช่ว่าผู้ถูกถามจะรู้ดีไปกว่าผู้ถาม อย่างไรก็ตาม ฉันจะบอกถึงสัญญาณต่างๆของมันให้ทราบคือ เมื่อนางทาสคลอดผู้เป็นนายของนางออกมา นี่แหละคือหนึ่งในสัญญาณของมัน และเมื่อผู้ไม่มีอาภรณ์สวมใส่,ผู้มีแต่เท้าเปล่า ได้เป็นนายคน นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของมัน และเมื่อชาวชนบทที่ต้อนฝูงแกะได้แข่งขันกันสร้างอาคารสูง นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของมัน

          แต่ยังมีอีกห้าประการซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้นอกจากพระองค์อัลลอฮ์ หลังจากนั้น ท่านรอซูลุลลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้อ่าน (อัลกุรอาน)

          “แท้จริง ณ พระองค์อัลลออ์นั้น มีความรู้เรื่องกาลอวสาน พระองค์ทรงทำให้ฝนหลั่งลงมาจากฟากฟ้า และพระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่มีอยู่ในมดลูก, ไม่มีผู้ใดรู้ถึงสิ่งที่เขาจะได้รับในวันรุ่งขึ้น และไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะเสียชีวิต ณ.แผ่นดินใด แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน”  

          เขา (อบูฮุรอยเราะห์) กล่าวว่า หลังจากนั้นชายผู้ถามก็กลับไป  ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงไปตามชายผู้นั้นกลับมาหาฉัน พวกเขาจึงไปตามหาแต่ไม่พบร่องรอยของเขาเลย  ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า เขาคือญีบรีล ที่มาเพื่อสอนผู้คนในเรื่องศาสนาของพวกเขา

          ข้อความของอัลกุรอาน อยู่ในซูเราะห์ลุกมาน อายะห์ที่ 34




ฮะดีษนี้มาจาก อ.ฟารีด เฟ็นดี้
http://www.fareedfendy.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Sections2&op=viewarticle2&artid=10