บุคอรี/หมวดที่ 8/บทที่ 1/ฮะดีษเลขที่ 349
حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ بُكَيْرٍ، قَالَ حَدَّثَنَا اللَّيْثُ، عَنْ يُونُسَ، عَنِ ابْنِ شِهَابٍ، عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ، قَالَ كَانَ أَبُو ذَرٍّ يُحَدِّثُ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم قَالَ " فُرِجَ عَنْ سَقْفِ بَيْتِي وَأَنَا بِمَكَّةَ، فَنَزَلَ جِبْرِيلُ فَفَرَجَ صَدْرِي، ثُمَّ غَسَلَهُ بِمَاءِ زَمْزَمَ، ثُمَّ جَاءَ بِطَسْتٍ مِنْ ذَهَبٍ مُمْتَلِئٍ حِكْمَةً وَإِيمَانًا، فَأَفْرَغَهُ فِي صَدْرِي ثُمَّ أَطْبَقَهُ، ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِي فَعَرَجَ بِي إِلَى السَّمَاءِ الدُّنْيَا، فَلَمَّا جِئْتُ إِلَى السَّمَاءِ الدُّنْيَا قَالَ جِبْرِيلُ لِخَازِنِ السَّمَاءِ افْتَحْ‏. قَالَ مَنْ هَذَا قَالَ هَذَا جِبْرِيلُ‏. قَالَ هَلْ مَعَكَ أَحَدٌ قَالَ نَعَمْ مَعِي مُحَمَّدٌ صلى الله عليه وسلم‏. فَقَالَ أُرْسِلَ إِلَيْهِ قَالَ نَعَمْ‏. فَلَمَّا فَتَحَ عَلَوْنَا السَّمَاءَ الدُّنْيَا، فَإِذَا رَجُلٌ قَاعِدٌ عَلَى يَمِينِهِ أَسْوِدَةٌ وَعَلَى يَسَارِهِ أَسْوِدَةٌ، إِذَا نَظَرَ قِبَلَ يَمِينِهِ ضَحِكَ، وَإِذَا نَظَرَ قِبَلَ يَسَارِهِ بَكَى، فَقَالَ مَرْحَبًا بِالنَّبِيِّ الصَّالِحِ وَالاِبْنِ الصَّالِحِ‏. قُلْتُ لِجِبْرِيلَ مَنْ هَذَا قَالَ هَذَا آدَمُ‏. وَهَذِهِ الأَسْوِدَةُ عَنْ يَمِينِهِ وَشِمَالِهِ نَسَمُ بَنِيهِ، فَأَهْلُ الْيَمِينِ مِنْهُمْ أَهْلُ الْجَنَّةِ، وَالأَسْوِدَةُ الَّتِي عَنْ شِمَالِهِ أَهْلُ النَّارِ، فَإِذَا نَظَرَ عَنْ يَمِينِهِ ضَحِكَ، وَإِذَا نَظَرَ قِبَلَ شِمَالِهِ بَكَى، حَتَّى عَرَجَ بِي إِلَى السَّمَاءِ الثَّانِيَةِ فَقَالَ لِخَازِنِهَا افْتَحْ‏. فَقَالَ لَهُ خَازِنُهَا مِثْلَ مَا قَالَ الأَوَّلُ فَفَتَحَ "‏‏. قَالَ أَنَسٌ فَذَكَرَ أَنَّهُ وَجَدَ فِي السَّمَوَاتِ آدَمَ وَإِدْرِيسَ وَمُوسَى وَعِيسَى وَإِبْرَاهِيمَ ـ صَلَوَاتُ اللَّهِ عَلَيْهِمْ ـ وَلَمْ يُثْبِتْ كَيْفَ مَنَازِلُهُمْ، غَيْرَ أَنَّهُ ذَكَرَ أَنَّهُ وَجَدَ آدَمَ فِي السَّمَاءِ الدُّنْيَا، وَإِبْرَاهِيمَ فِي السَّمَاءِ السَّادِسَةِ‏. قَالَ أَنَسٌ فَلَمَّا مَرَّ جِبْرِيلُ بِالنَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم بِإِدْرِيسَ قَالَ مَرْحَبًا بِالنَّبِيِّ الصَّالِحِ وَالأَخِ الصَّالِحِ‏. فَقُلْتُ مَنْ هَذَا قَالَ هَذَا إِدْرِيسُ‏. ثُمَّ مَرَرْتُ بِمُوسَى فَقَالَ مَرْحَبًا بِالنَّبِيِّ الصَّالِحِ وَالأَخِ الصَّالِحِ‏. قُلْتُ مَنْ هَذَا قَالَ هَذَا مُوسَى‏. ثُمَّ مَرَرْتُ بِعِيسَى فَقَالَ مَرْحَبًا بِالأَخِ الصَّالِحِ وَالنَّبِيِّ الصَّالِحِ‏. قُلْتُ مَنْ هَذَا قَالَ هَذَا عِيسَى‏. ثُمَّ مَرَرْتُ بِإِبْرَاهِيمَ فَقَالَ مَرْحَبًا بِالنَّبِيِّ الصَّالِحِ وَالاِبْنِ الصَّالِحِ‏. قُلْتُ مَنْ هَذَا قَالَ هَذَا إِبْرَاهِيمُ صلى الله عليه وسلم "‏‏. قَالَ ابْنُ شِهَابٍ فَأَخْبَرَنِي ابْنُ حَزْمٍ أَنَّ ابْنَ عَبَّاسٍ وَأَبَا حَبَّةَ الأَنْصَارِيَّ كَانَا يَقُولاَنِ قَالَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم " ثُمَّ عُرِجَ بِي حَتَّى ظَهَرْتُ لِمُسْتَوًى أَسْمَعُ فِيهِ صَرِيفَ الأَقْلاَمِ "‏‏. قَالَ ابْنُ حَزْمٍ وَأَنَسُ بْنُ مَالِكٍ قَالَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم " فَفَرَضَ اللَّهُ عَلَى أُمَّتِي خَمْسِينَ صَلاَةً، فَرَجَعْتُ بِذَلِكَ حَتَّى مَرَرْتُ عَلَى مُوسَى فَقَالَ مَا فَرَضَ اللَّهُ لَكَ عَلَى أُمَّتِكَ قُلْتُ فَرَضَ خَمْسِينَ صَلاَةً‏. قَالَ فَارْجِعْ إِلَى رَبِّكَ، فَإِنَّ أُمَّتَكَ لاَ تُطِيقُ ذَلِكَ‏. فَرَاجَعْتُ فَوَضَعَ شَطْرَهَا، فَرَجَعْتُ إِلَى مُوسَى قُلْتُ وَضَعَ شَطْرَهَا‏. فَقَالَ رَاجِعْ رَبَّكَ، فَإِنَّ أُمَّتَكَ لاَ تُطِيقُ، فَرَاجَعْتُ فَوَضَعَ شَطْرَهَا، فَرَجَعْتُ إِلَيْهِ فَقَالَ ارْجِعْ إِلَى رَبِّكَ، فَإِنَّ أُمَّتَكَ لاَ تُطِيقُ ذَلِكَ، فَرَاجَعْتُهُ‏. فَقَالَ هِيَ خَمْسٌ وَهْىَ خَمْسُونَ، لاَ يُبَدَّلُ الْقَوْلُ لَدَىَّ‏. فَرَجَعْتُ إِلَى مُوسَى فَقَالَ رَاجِعْ رَبَّكَ‏. فَقُلْتُ اسْتَحْيَيْتُ مِنْ رَبِّي‏. ثُمَّ انْطَلَقَ بِي حَتَّى انْتَهَى بِي إِلَى سِدْرَةِ الْمُنْتَهَى، وَغَشِيَهَا أَلْوَانٌ لاَ أَدْرِي مَا هِيَ، ثُمَّ أُدْخِلْتُ الْجَنَّةَ، فَإِذَا فِيهَا حَبَايِلُ اللُّؤْلُؤِ، وَإِذَا تُرَابُهَا الْمِسْكُ "‏‏  

               ยะห์ยา อิบนุ บุกัยร์ เล่าให้เราฟัง โดยกล่าวว่า อัลลัยซ์ เล่าให้เราฟังจาก ยูนุส จาก อิบนุ ซิฮาบ จาก อนัส บิน มาลิก กล่าวว่า อบูซัรริน (อัลฆิฟารีย์)  ขออัลลอฮ์ทรงพอพระทัยต่อเขาด้วย ได้เล่าว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า  หลังคาบ้านของฉันถูกทำให้เป็นช่องโหว่ ตอนนั้นฉันอยู่ที่มักกะห์ แล้วญิบรีล อลัยฮิสสลาม ได้ลงมา เขาผ่าอกฉันแล้วล้างมันด้วยน้ำซัมซัม ต่อมาเขาได้เอาอ่างที่เป็นทองคำซึ่งเต็มไปด้วยความรอบรู้,ความเข้าใจ,และการศรัทธา โดยนำมันใส่เข้าไปในอกของฉันแล้วประกบมันไว้อย่างเดิม  หลังจากนั้นเขาจูงมือฉันแล้วพาขึ้นไปบนฟ้าดุนยา เมื่อเราไปถึงฟ้าดุนยา ญิบรีลก็ได้กล่าวกับผู้เฝ้าประตูฟ้าว่า เปิดหน่อย เขาถามว่า ใครกันหรือ ? เขาตอบว่า ญิบรีล เขาถามว่า มีใครมากับท่านด้วยหรือ เขาตอบว่า ใช่ มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม มากับฉันด้วย  เขาถามว่า เขาได้รับเชิญมาหรือ ? เขาตอบว่า ใช่  แล้วเขาก็เปิดประตูให้เรา
                เมื่อเราขึ้นไปที่ฟ้าดุนยา ฉันก็พบชายผู้หนึ่งที่ด้านขวาของเขามีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง และทางด้านซ้ายของเขาก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่  เมื่อชายผู้นั้นมองไปทางด้านขวาของเขาก็หัวเราะ  แต่เมื่อเขามองไปทางด้านซ้ายเขาก็ร้องไห้ เขากล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีที่ดีและลูกหลานที่ดี  ฉันจึงถามญิรีลว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า คืออาดัม และกลุ่มคนทางด้านขวาและทางด้านซ้ายของเขา ก็คือ ดวงวิญญาณลูกหลานของเขาเอง โดยทางกลุ่มทางด้านขวาของเขานั้นคือชาวสวรรค์ ส่วนกลุ่มทางด้านซ้ายของเขาคือชาวนรก ดังนั้นเมื่อเขามองไปทางด้านขวา เขาจึงหัวเราะ แต่เมื่อเขามองไปทางด้านซ้ายของเขา, เขาจึงร้องไห้
                หลังจากนั้นญิบรีล ก็พาฉันขึ้นไปถึงฟ้าชั้นที่สอง เขากล่าวกับผู้เฝ้าประตูฟ้าว่า เปิดหน่อย ผู้เฝ้านั้นได้สอบถามเขาเช่นเดียวกับผู้เฝ้าประตูฟ้าดุนยา หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูฟ้าให้
                อนัส บินมาลิก กล่าวว่า อบูซัรริน เล่าว่า บุคคลที่ท่านนบีได้พบในชั้นฟ้าแต่ละชั้นนั้น มีทั้งนบีอาดัม, นบีอิดรีส, นบีมูซา, นบีอีซา และนบีอิบรอฮีม, ขออัลลอฮ์ทรงให้พรแก่บรรดานบีเหล่านั้นทั้งหมด แต่ไม่ได้ระบุว่า ในฟ้าชั้นใด นอกจากที่กล่าวถึง กรณีท่านนบีได้พบนบีอาดัม อลัยฮิสสลาม ที่ฟ้าดุนยา และพบกับนบีอิบรอฮีม ที่ฟ้าชั้นที่หก
                อนัส กล่าวว่า เมื่อญิบรีลและท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ผ่านมาถึงนบีอิดรีส ท่านก็กล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดี และน้องชายคนดี  ท่านนบีเล่าว่า  ฉันถามว่า  ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า อิดรีส
                หลังจากนั้นฉันก็ผ่านมาที่นบีมูซา  ท่านกล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดีและน้องชายคนดี  ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า คือมูซา หลังจากนั้นฉันก็ผ่านไปที่นบีอีซา เขากล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดี และน้องชายคนดี ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร ? เขาตอบว่า คืออีซา หลังจากนั้นฉันก็ผ่านไปที่นบีอิบรอฮีม ท่านกล่าวว่า ยินดีต้อนรับนบีคนดีและลูกหลานคนดี ฉันถามว่า ชายผู้นี้เป็นใคร เขาตอบว่า คือ อิบรอฮีม ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม
                 อิบนุซิฮาบ กล่าวว่า อิบนุฮัซมิน ได้บอกกับฉันว่า แท้จริง อิบนิอับบาส และอบาฮับบะห์ อัลอันศอรีย์ ทั้งสองกล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า หลังจากนั้นเขาก็พาฉันขึ้นไปจนกระทั่งขนาดได้ยินเสียงขยับปากกา
                อิบนุฮัซมิน, และอนัส บินมาลิก กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดการละหมาดห้าสิบเวลาให้แก่ประชาชาติของฉัน แล้วเมื่อฉันกลับมาพร้อมข้อบัญญัตินั้นจนฉันผ่านมาถึงนบีมูซา ซึ่งท่านนบีมูซา ได้ถามว่า องค์อภิบาลของเจ้าบัญญัติเรื่องใดแก่ประชาชาติของเจ้า ฉันตอบว่า พระองค์ทรงบัญญัติการละหมาดห้าสิบเวลา นบีมูซา ได้กล่าวว่า จงไปหาองค์อภิบาลของเจ้า แท้จริงประชาชาติของเจ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ครบถ้วน ดังนั้นฉันจึงไปขอลดหย่อนต่อองค์อภิบาลของฉัน   แล้วพระองค์ก็ทรงลดหย่อนให้ครึ่งหนึ่ง  หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่นบีมูซา และแจ้งเรื่องให้ท่านทราบว่า พระองค์ได้ทรงลดหย่อนให้ครึ่งหนึ่ง แต่ท่านกล่าวว่า จงกลับไปหาองค์อภิบาลของเจ้า เพราะประชาชาติของเจ้าไม่สามรถปฏิบัติได้ครบถ้วน ดังนั้นฉันจึงกลับไปยังองค์อภิบาลของฉัน พระองค์ตรัสว่า ห้าเวลาเท่ากับห้าสิบ และข้อบัญญัตินี้จะไม่ถูกเปลี่ยนอีก แล้วฉันก็กลับมาที่นบีมูซา แต่ท่านก็ยังกล่าวอีกว่า กลับไปขอลดหย่อนจากองค์อภิบาลของเจ้า  ฉันจึงกล่าวว่า ฉันละอายต่อองค์อภิบาลของฉันเหลือเกิน
                หลังจากนั้น ญิบรีลก็พาฉันกลับ จนเรามาถึง ซิดเราะตุ้ลมุนตะฮา (ที่สถิตย์ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง)  มีแสงระยิบหลากสีสันแผ่ปกคลุมไปทั่ว ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร  ท่านกล่าวว่า ต่อจากนั้นฉันก็ถูกนำเข้าไปในสวรรค์ ทันใดนั้นฉันก็พบโดมหลากหลายที่เป็นไขมุก โดยพื้นของมันนั้นเป็นชมดเชียง


 
อ้างอิงเพิ่มเติม ฮะดีษเลขที่ 1636,3432





ฮะดีษนี้มาจาก อ.ฟารีด เฟ็นดี้
http://www.fareedfendy.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Sections2&op=viewarticle2&artid=1143