มุสลิม/หมวดที่1/บทที่83/ฮะดีษเลขที่ 0349
عَنْ عَطَاءِ بْنِ يَزِيدَ اللَّيْثِيِّ، أَنَّ أَبَا هُرَيْرَةَ، أَخْبَرَهُ أَنَّ نَاسًا قَالُوا لِرَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَا رَسُولَ اللَّهِ هَلْ نَرَى رَبَّنَا يَوْمَ الْقِيَامَةِ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ هَلْ تُضَارُّونَ فِي رُؤْيَةِ الْقَمَرِ لَيْلَةَ الْبَدْرِ ‏"‏ ‏.‏ قَالُوا لاَ يَا رَسُولَ اللَّهِ ‏.‏ قَالَ ‏"‏ هَلْ تُضَارُّونَ فِي الشَّمْسِ لَيْسَ دُونَهَا سَحَابٌ ‏"‏ ‏.‏ قَالُوا لاَ يَا رَسُولَ اللَّهِ ‏.‏ قَالَ ‏"‏ فَإِنَّكُمْ تَرَوْنَهُ كَذَلِكَ يَجْمَعُ اللَّهُ النَّاسَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ فَيَقُولُ مَنْ كَانَ يَعْبُدُ شَيْئًا فَلْيَتَّبِعْهُ ‏.‏ فَيَتَّبِعُ مَنْ كَانَ يَعْبُدُ الشَّمْسَ الشَّمْسَ وَيَتَّبِعُ مَنْ كَانَ يَعْبُدُ الْقَمَرَ الْقَمَرَ وَيَتَّبِعُ مَنْ كَانَ يَعْبُدُ الطَّوَاغِيتَ الطَّوَاغِيتَ وَتَبْقَى هَذِهِ الأُمَّةُ فِيهَا مُنَافِقُوهَا فَيَأْتِيهِمُ اللَّهُ - تَبَارَكَ وَتَعَالَى - فِي صُورَةٍ غَيْرِ صُورَتِهِ الَّتِي يَعْرِفُونَ فَيَقُولُ أَنَا رَبُّكُمْ ‏.‏ فَيَقُولُونَ نَعُوذُ بِاللَّهِ مِنْكَ هَذَا مَكَانُنَا حَتَّى يَأْتِيَنَا رَبُّنَا فَإِذَا جَاءَ رَبُّنَا عَرَفْنَاهُ ‏.‏ فَيَأْتِيهِمُ اللَّهُ تَعَالَى فِي صُورَتِهِ الَّتِي يَعْرِفُونَ فَيَقُولُ أَنَا رَبُّكُمْ ‏.‏ فَيَقُولُونَ أَنْتَ رَبُّنَا ‏.‏ فَيَتَّبِعُونَهُ وَيُضْرَبُ الصِّرَاطُ بَيْنَ ظَهْرَىْ جَهَنَّمَ فَأَكُونُ أَنَا وَأُمَّتِي أَوَّلَ مَنْ يُجِيزُ وَلاَ يَتَكَلَّمُ يَوْمَئِذٍ إِلاَّ الرُّسُلُ وَدَعْوَى الرُّسُلِ يَوْمَئِذٍ اللَّهُمَّ سَلِّمْ سَلِّمْ ‏.‏ وَفِي جَهَنَّمَ كَلاَلِيبُ مِثْلُ شَوْكِ السَّعْدَانِ هَلْ رَأَيْتُمُ السَّعْدَانَ ‏"‏ ‏.‏ قَالُوا نَعَمْ يَا رَسُولَ اللَّهِ ‏.‏ قَالَ ‏"‏ فَإِنَّهَا مِثْلُ شَوْكِ السَّعْدَانِ غَيْرَ أَنَّهُ لاَ يَعْلَمُ مَا قَدْرُ عِظَمِهَا إِلاَّ اللَّهُ تَخْطَفُ النَّاسَ بِأَعْمَالِهِمْ فَمِنْهُمُ الْمُؤْمِنُ بَقِيَ بِعَمَلِهِ وَمِنْهُمُ الْمُجَازَى حَتَّى يُنَجَّى حَتَّى إِذَا فَرَغَ اللَّهُ مِنَ الْقَضَاءِ بَيْنَ الْعِبَادِ وَأَرَادَ أَنْ يُخْرِجَ بِرَحْمَتِهِ مَنْ أَرَادَ مِنْ أَهْلِ النَّارِ أَمَرَ الْمَلاَئِكَةَ أَنْ يُخْرِجُوا مِنَ النَّارِ مَنْ كَانَ لاَ يُشْرِكُ بِاللَّهِ شَيْئًا مِمَّنْ أَرَادَ اللَّهُ تَعَالَى أَنْ يَرْحَمَهُ مِمَّنْ يَقُولُ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ ‏.‏ فَيَعْرِفُونَهُمْ فِي النَّارِ يَعْرِفُونَهُمْ بِأَثَرِ السُّجُودِ تَأْكُلُ النَّارُ مِنِ ابْنِ آدَمَ إِلاَّ أَثَرَ السُّجُودِ حَرَّمَ اللَّهُ عَلَى النَّارِ أَنْ تَأْكُلَ أَثَرَ السُّجُودِ ‏.‏ فَيُخْرَجُونَ مِنَ النَّارِ وَقَدِ امْتَحَشُوا فَيُصَبُّ عَلَيْهِمْ مَاءُ الْحَيَاةِ فَيَنْبُتُونَ مِنْهُ كَمَا تَنْبُتُ الْحِبَّةُ فِي حَمِيلِ السَّيْلِ ثُمَّ يَفْرُغُ اللَّهُ تَعَالَى مِنَ الْقَضَاءِ بَيْنَ الْعِبَادِ وَيَبْقَى رَجُلٌ مُقْبِلٌ بِوَجْهِهِ عَلَى النَّارِ وَهُوَ آخِرُ أَهْلِ الْجَنَّةِ دُخُولاً الْجَنَّةَ فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ اصْرِفْ وَجْهِي عَنِ النَّارِ فَإِنَّهُ قَدْ قَشَبَنِي رِيحُهَا وَأَحْرَقَنِي ذَكَاؤُهَا فَيَدْعُو اللَّهَ مَا شَاءَ اللَّهُ أَنْ يَدْعُوَهُ ثُمَّ يَقُولُ اللَّهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى هَلْ عَسَيْتَ إِنْ فَعَلْتُ ذَلِكَ بِكَ أَنْ تَسْأَلَ غَيْرَهُ ‏.‏ فَيَقُولُ لاَ أَسْأَلُكَ غَيْرَهُ ‏.‏ وَيُعْطِي رَبَّهُ مِنْ عُهُودٍ وَمَوَاثِيقَ مَا شَاءَ اللَّهُ فَيَصْرِفُ اللَّهُ وَجْهَهُ عَنِ النَّارِ فَإِذَا أَقْبَلَ عَلَى الْجَنَّةِ وَرَآهَا سَكَتَ مَا شَاءَ اللَّهُ أَنْ يَسْكُتَ ثُمَّ يَقُولُ أَىْ رَبِّ قَدِّمْنِي إِلَى بَابِ الْجَنَّةِ ‏.‏ فَيَقُولُ اللَّهُ لَهُ أَلَيْسَ قَدْ أَعْطَيْتَ عُهُودَكَ وَمَوَاثِيقَكَ لاَ تَسْأَلُنِي غَيْرَ الَّذِي أَعْطَيْتُكَ وَيْلَكَ يَا ابْنَ آدَمَ مَا أَغْدَرَكَ ‏.‏ فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ وَيَدْعُو اللَّهَ حَتَّى يَقُولَ لَهُ فَهَلْ عَسَيْتَ إِنْ أَعْطَيْتُكَ ذَلِكَ أَنْ تَسْأَلَ غَيْرَهُ ‏.‏ فَيَقُولُ لاَ وَعِزَّتِكَ ‏.‏ فَيُعطِي رَبَّهُ مَا شَاءَ اللَّهُ مِنْ عُهُودٍ وَمَوَاثِيقَ فَيُقَدِّمُهُ إِلَى بَابِ الْجَنَّةِ فَإِذَا قَامَ عَلَى بَابِ الْجَنَّةِ انْفَهَقَتْ لَهُ الْجَنَّةُ فَرَأَى مَا فِيهَا مِنَ الْخَيْرِ وَالسُّرُورِ فَيَسْكُتُ مَا شَاءَ اللَّهُ أَنْ يَسْكُتَ ثُمَّ يَقُولُ أَىْ رَبِّ أَدْخِلْنِي الْجَنَّةَ ‏.‏ فَيَقُولُ اللَّهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى لَهُ أَلَيْسَ قَدْ أَعْطَيْتَ عُهُودَكَ وَمَوَاثِيقَكَ أَنْ لاَ تَسْأَلَ غَيْرَ مَا أُعْطِيتَ وَيْلَكَ يَا ابْنَ آدَمَ مَا أَغْدَرَكَ ‏.‏ فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ لاَ أَكُونُ أَشْقَى خَلْقِكَ ‏.‏ فَلاَ يَزَالُ يَدْعُو اللَّهَ حَتَّى يَضْحَكَ اللَّهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى مِنْهُ فَإِذَا ضَحِكَ اللَّهُ مِنْهُ قَالَ ادْخُلِ الْجَنَّةَ ‏.‏ فَإِذَا دَخَلَهَا قَالَ اللَّهُ لَهُ تَمَنَّهْ ‏.‏ فَيَسْأَلُ رَبَّهُ وَيَتَمَنَّى حَتَّى إِنَّ اللَّهَ لَيُذَكِّرُهُ مِنْ كَذَا وَكَذَا حَتَّى إِذَا انْقَطَعَتْ بِهِ الأَمَانِيُّ قَالَ اللَّهُ تَعَالَى ذَلِكَ لَكَ وَمِثْلُهُ مَعَهُ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ عَطَاءُ بْنُ يَزِيدَ وَأَبُو سَعِيدٍ الْخُدْرِيُّ مَعَ أَبِي هُرَيْرَةَ لاَ يَرُدُّ عَلَيْهِ مِنْ حَدِيثِهِ شَيْئًا ‏.‏ حَتَّى إِذَا حَدَّثَ أَبُو هُرَيْرَةَ أَنَّ اللَّهَ قَالَ لِذَلِكَ الرَّجُلِ وَمِثْلُهُ مَعَهُ ‏.‏ قَالَ أَبُو سَعِيدٍ وَعَشَرَةُ أَمْثَالِهِ مَعَهُ يَا أَبَا هُرَيْرَةَ ‏.‏ قَالَ أَبُو هُرَيْرَةَ مَا حَفِظْتُ إِلاَّ قَوْلَهُ ذَلِكَ لَكَ وَمِثْلُهُ مَعَهُ ‏.‏ قَالَ أَبُو سَعِيدٍ أَشْهَدُ أَنِّي حَفِظْتُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم قَوْلَهُ ذَلِكَ لَكَ وَعَشَرَةُ أَمْثَالِهِ ‏.‏ قَالَ أَبُو هُرَيْرَةَ وَذَلِكَ الرَّجُلُ آخِرُ أَهْلِ الْجَنَّةِ دُخُولاً الْجَنَّةَ 

 
          อะฏออ์ อิบนุยะซีด อัลลัยซีย์ รายงานว่า อบูฮุรอยเราะห์ได้บอกกับเขาว่า บรรดาผู้คนได้ถามท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ว่า โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ พวกเราจะได้เห็นองค์อภิบาลของพเราในวันกิยะห์หรือไม่  ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า พวกเจ้าเคยเห็นดวงจันทร์กระจ่างฟ้าในคืนวันเพ็ญไหม พวกเขาตอบว่า ไม่เคยครับท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ท่านกล่าวว่า พวกเจ้าเคยเห็นดวงอาทิตย์แจ่มจรัสที่ไม่มีเมฆบดบังหรือไม่ พวกเขาตอบว่า ไม่เคยครับท่านศานทูตของอัลลอฮ์ ท่านกล่าวว่า พวกเจ้าจะได้เห็นองค์อภิบาลของพวกเจ้าเช่นนั้นแหละ
                พระองค์อัลลอฮ์จะทรงรวมบรรดาผู้คนในวันกิยามะห์ แล้วพระองค์จะทรงกล่าวว่า ผู้ใดที่สักการะต่อสิ่งใดก็จงตามสิ่งนั้น ดังนั้นผู้ที่สักการะต่อดวงอาทิตย์ก็จะตามดวงอาทิตย์, ผู้ที่สักการะต่อดวงจันทร์ก็จะตามดวงจันทร์ และผู้ที่สักการะเจว็ดก็จะตามบรรดาเจว็ดทั้งหลายไป คงเหลืออยู่แต่ประชาชาตินี้ ซึ่งในหมู่พวกเขามีผู้กลับกลอกด้านการศรัทธารวมอยู่ด้วย ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงจำเริญและสูงส่งก็จะมาหาเขาในรูปลักษณ์อื่นที่พวกเขาเคยรู้เคยเห็น แล้วกล่าวว่า ข้าคือองค์อภิบาลของพวกเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้ห่างไกลจากท่าน เราจะรอคอยอยู่ตรงนี้จนกว่าองค์อภิบาลของพวกเราจะมาพบเรา และเมื่อองค์อภิบาลของพวกเรามา พวกเราก็จะรู้ว่าเป็นพระองค์ ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ ผู้สูงส่งจึงมาหาพวกเขาในรูปลักษณ์ที่พวกเขาเคยรู้จัก แล้วกล่าวว่า ข้าคือองค์อภิบาลของพวกเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า ใช่แล้วท่านคือองค์อภิบาลของพวกเรา แล้วพวกเขาก็ตามท่านไป จนกระทั่งไปถึงสะพานที่พาดระหว่างนรกญะฮันนัม  โดยฉันและประชาชาติของฉันเป็นกลุ่มแรกที่ข้ามผ่านไปอย่างปลอดภัย และในวันนั้นจะไม่มีผู้ใดพูดจากับใครเลย นอกจากบรรดาศาสนทูตเท่านั้น ซึ่งบรรดาศาสนทูตจะคอยวิงวอนขอว่า โอ้พระองค์อัลลอฮ์ ขอให้ปลอดภัย ขอให้พวกเขาปลอดภัยเถิด
                และในนรกญะฮันนัม นั้นมีตะขอ เหมือนกับต้นซะอ์ดาน (ต้นไม้มีหนาม) พวกเจ้าเคยเห็นต้นซะอ์ดานไหม พวกเขาตอบว่า เคยเห็นครับโอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์  ท่านกล่าวต่อไปว่า มันเหมือนกับหนามของต้นซะอ์ดาน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ขนาดความใหญ่ของมันนอกจากอัลลอฮ์  (ตะขอนั้น) มันจะคอยเกี่ยวบรรดาผู้คน (ลงสู่นรก) โดยขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเขา, บางส่วนที่เป็นผู้ศรัทธานั้นจะรอดพ้นด้วยผลงานที่ดีของพวกเขา และบางส่วนก็จะได้รับการชำระในระยะหนึ่งแล้วก็จะผ่านพ้นไปได้
                เมื่อพระองค์อัลลอฮ์ เสร็จสิ้นจากการชำระปวงบ่าวของพระองค์แล้ว  และพระองค์ทรงประสงค์จะให้ชาวนรกได้ออกจากนรกด้วยความเมตตาของพระองค์ พระองค์ก็จะสั่งแก่บรรดามะลาอิกะห์ว่า ให้เอาเขาออกจากนรกได้แก่บรรดาผู้ซึ่งไม่ได้นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์, และจากบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้ความเมตตาแก่เขา ได้แก่ผู้ที่กล่าวว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์  ซึ่งบรรดามะลาอิกะห์จะรู้ถึงสภาพของพวกเขาในไฟนรก โดยพวกเขารู้ด้วยร่องรอยของการสุญูด ซึ่งไฟนรกจะกลืนกินทุกส่วนของมนุษย์นอกจากรอยสุญูดเท่านั้น ที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงห้ามไว้มิให้ไฟนรกกลืนกินรอยสุญูด (บนร่างกายของมนุษย์) แล้วพวกเขาจะถูกนำออกมาจากนรกในสภาพที่ไหม้เกรียม ซึ่งน้ำแห่งการชุบชีวิตจะถูกราดบนพวกเขาพวกเขา จากนั้นพวกเขาจะฟื้นขึ้นมาดั่งเมล็ดผักที่แตกหน่อออกมาเช่นนั้น
                หลังจากที่พระองค์อัลลอฮ์ได้เสร็จสิ้นการชำระโทษแก่บ่าวของพระองค์ (กลุ่มนี้แล้ว) แต่ยังคงมีคนที่เหลือค้างซึ่งพวกเขาเป็นผู้ที่คว่ำหน้าหน้าของพวกเขาในนรก ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้เข้าสวรรค์ พวกเขากล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของข้าได้โปรดพลิกหน้าของข้าจากไฟนรกด้วยเถิด เพราะกลิ่นของมันทำร้ายฉันเหลือเกิน อีกทั้งเปลวของมันเผาไหม้ฉันเหลือเกิน ดังนั้นพวกเขาจึงวิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ ด้วยสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงประสงค์ในการวิงวอนขอต่อพระองค์ แล้วพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงจำเริญและสูงส่งก็กล่าวว่า   หากข้าให้ตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าจะขออะไรมากกว่านี้อีกไหม เขาตอบว่า ข้าจะไม่ขออะไรมากไปกว่านี้, แล้วพระองค์ก็ทรงให้ตามที่เขาได้รับคำและให้สัญญา ด้วยประสงค์ของอัลลอฮ์ พระองค์จึงพลิกหน้าของเขาออกจากไฟนรก และหันหน้าเขาไปทางสวรรค์ และเมื่อเขาได้เห็นสวรรค์เขาก็นิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ด้วยประสงค์ของอัลลอฮ์ที่จะให้เขาสงบ หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของข้าเอ๋ย ขอได้โปรดเอาฉันไปที่ประตูสวรรค์ด้วยเถิด ดังนั้นพระองค์จึงได้กล่าวแก่เขาว่า เจ้ารับปากและให้สัญญาแก่ข้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่ขออย่างอื่นอีกนอกจากสิ่งที่ข้าก็ให้แก่เจ้าแล้ว วิบัติแท้มนุษย์เจ้าช่างบิดพลิ้วจริงๆ เขากล่าวว่า ได้โปรดเถิดองค์อภิบาลของข้าเอ๋ย แล้วเขาก็วิงวอนต่อพระองค์อัลลอฮ์อยู่เช่นนั้น จนกระทั่งพระองค์ทรงกล่าวแก่เขาว่า หากข้าให้ตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้ายังจะขออะไรมากกว่านี้อีกไหม เขาตอบว่า ข้าจะไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ด้วยเกียรติแห่งพระองค์ท่าน แล้วเขาก็รับปากและให้สัญญาแก่พระองค์ ด้วยพระองค์ของอัลลอฮ์ ดังนั้นจึงถูกนำไปที่ประตูสวรรค์ และเมื่อเขายืนอยู่ที่ประตูสวรรค์, สวรรค์ก็ถูกเปิดให้เขาเห็น ซึ่งเขาเห็นภายในสวรรค์นั้นมีทั้งความดีงาม และความปิติยินดี เขาจึงนิ่งไปชั่วขณะตามที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงประสงค์ให้เขาสงบ หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของข้าเอ๋ย ขอได้โปรดให้ฉันเข้าไปด้านในสวรรค์ด้วยเถิด ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงจำเริญและสูงส่ง จึงได้กล่าวแก่เขาว่า เจ้ารับปากและให้สัญญาแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่ขอสิ่งใดมากไปกว่าที่เจ้าได้รับไปแล้ว วิบัติแท้มนุษย์เอ๋ย เจ้าช่างบิดพลิ้วเสียจริง เขากล่าวว่า ได้โปรดเถิดองค์อภิบาลของข้าเอ๋ย ข้าไม่ต้องการเป็นบ่าวที่ต้องทนทุกข์ทรมาน และเขาได้อ้อนวอนต่อพระองค์อัลลอฮ์อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งพระองค์อัลลอฮ์ผู้ทรงจำเริญและสูงส่ง ทรงหัวเราะเขา และคราใดที่พระองค์ทรงหัวเราะเขา, เขาก็จะกล่าวว่า ได้โปรดให้ฉันเข้าสวรรค์ด้วยเถิด  และเมื่อเขาได้เข้าสวรรค์ พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวกับเขาว่า ขอซิอย่างที่เจ้าหวังไว้ ดังนั้นเขาจึงขอต่อองค์อภิบาลของเขา และยังหวัง จนกระทั่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงเตือนเขาว่าอย่างนั้นละอย่างนี้ละ จนกระทั่งสิ่งที่เขาขอและหวังไว้ได้รับการตอบรับจนหมดสิ้น พระองค์อัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งจึงกล่าวว่า ดังกล่าวนี้สำหรับเจ้าและมากกว่าสิ่งที่ขออีก
                อะฏออ์ อิบนุยะซีด กล่าวว่า ขณะนั้นอะบูสะอี๊ด อัลคุดรีย์ ได้อยู่กับ อบูฮุรอยเราะห์ด้วย  แต่เขาก็มิได้แย้งคำรายงานใดๆในฮะดีษของอบูฮุรอยเราะห์ นอกจากข้อความที่ อบูฮุรอยเราะห์ ได้เล่าว่า แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า สำหรับเขาผู้นี้ที่ขอและมากกว่าสิ่งที่ขออีก, อบูสะอี๊ด กล่าวว่า หมายถึงเขาได้รับมากกว่าที่เขาขอสิบเท่าตัวโอ้อบูฮุรอยเราะห์เอ๋ย, อบูฮุรอยเราะห์กล่าวว่า ฉันไม่ได้จำประโยคนี้ นอกจากคำที่ว่า นี่สำหรับเจ้าและมากกว่าที่เจ้าขอด้วย ดังนั้นอบูสะอี๊ดจึงกล่าวว่า ฉันยืนยันได้ว่า ฉันจำมาจากคำพูดของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ว่า นี่สำหรับเจ้าและมากกว่าที่เจ้าขออีกสิบเท่าตัว อบูฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า นี่คือคนสุดท้ายของชาวสวรรค์ที่ได้เข้าสวรรค์ 
 
    
    



ฮะดีษนี้มาจาก อ.ฟารีด เฟ็นดี้
http://www.fareedfendy.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Sections2&op=viewarticle2&artid=489