มุสลิม/หมวดที่1/บทที่85/ฮะดีษเลขที่ 0361
عَنِ ابْنِ مَسْعُودٍ، أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم قَالَ ‏"‏ آخِرُ مَنْ يَدْخُلُ الْجَنَّةَ رَجُلٌ فَهُوَ يَمْشِي مَرَّةً وَيَكْبُو مَرَّةً وَتَسْفَعُهُ النَّارُ مَرَّةً فَإِذَا مَا جَاوَزَهَا الْتَفَتَ إِلَيْهَا فَقَالَ تَبَارَكَ الَّذِي نَجَّانِي مِنْكِ لَقَدْ أَعْطَانِيَ اللَّهُ شَيْئًا مَا أَعْطَاهُ أَحَدًا مِنَ الأَوَّلِينَ وَالآخِرِينَ ‏.‏ فَتُرْفَعُ لَهُ شَجَرَةٌ فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ أَدْنِنِي مِنْ هَذِهِ الشَّجَرَةِ فَلأَسْتَظِلَّ بِظِلِّهَا وَأَشْرَبَ مِنْ مَائِهَا ‏.‏ فَيَقُولُ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ يَا ابْنَ آدَمَ لَعَلِّي إِنْ أَعْطَيْتُكَهَا سَأَلْتَنِي غَيْرَهَا ‏.‏ فَيَقُولُ لاَ يَا رَبِّ ‏.‏ وَيُعَاهِدُهُ أَنْ لاَ يَسْأَلَهُ غَيْرَهَا وَرَبُّهُ يَعْذِرُهُ لأَنَّهُ يَرَى مَا لاَ صَبْرَ لَهُ عَلَيْهِ فَيُدْنِيهِ مِنْهَا فَيَسْتَظِلُّ بِظِلِّهَا وَيَشْرَبُ مِنْ مَائِهَا ثُمَّ تُرْفَعُ لَهُ شَجَرَةٌ هِيَ أَحْسَنُ مِنَ الأُولَى فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ أَدْنِنِي مِنْ هَذِهِ لأَشْرَبَ مِنْ مَائِهَا وَأَسْتَظِلَّ بِظِلِّهَا لاَ أَسْأَلُكَ غَيْرَهَا ‏.‏ فَيَقُولُ يَا ابْنَ آدَمَ أَلَمْ تُعَاهِدْنِي أَنْ لاَ تَسْأَلَنِي غَيْرَهَا فَيَقُولُ لَعَلِّي إِنْ أَدْنَيْتُكَ مِنْهَا تَسْأَلُنِي غَيْرَهَا ‏.‏ فَيُعَاهِدُهُ أَنْ لاَ يَسْأَلَهُ غَيْرَهَا وَرَبُّهُ يَعْذِرُهُ لأَنَّهُ يَرَى مَا لاَ صَبْرَ لَهُ عَلَيْهِ فَيُدْنِيهِ مِنْهَا فَيَسْتَظِلُّ بِظِلِّهَا وَيَشْرَبُ مِنْ مَائِهَا ‏.‏ ثُمَّ تُرْفَعُ لَهُ شَجَرَةٌ عِنْدَ بَابِ الْجَنَّةِ هِيَ أَحْسَنُ مِنَ الأُولَيَيْنِ ‏.‏ فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ أَدْنِنِي مِنْ هَذِهِ لأَسْتَظِلَّ بِظِلِّهَا وَأَشْرَبَ مِنْ مَائِهَا لاَ أَسْأَلُكَ غَيْرَهَا ‏.‏ فَيَقُولُ يَا ابْنَ آدَمَ أَلَمْ تُعَاهِدْنِي أَنْ لاَ تَسْأَلَنِي غَيْرَهَا قَالَ بَلَى يَا رَبِّ هَذِهِ لاَ أَسْأَلُكَ غَيْرَهَا ‏.‏ وَرَبُّهُ يَعْذِرُهُ لأَنَّهُ يَرَى مَا لاَ صَبْرَ لَهُ عَلَيْهَا فَيُدْنِيهِ مِنْهَا فَإِذَا أَدْنَاهُ مِنْهَا فَيَسْمَعُ أَصْوَاتَ أَهْلِ الْجَنَّةِ فَيَقُولُ أَىْ رَبِّ أَدْخِلْنِيهَا ‏.‏ فَيَقُولُ يَا ابْنَ آدَمَ مَا يَصْرِينِي مِنْكَ أَيُرْضِيكَ أَنْ أُعْطِيَكَ الدُّنْيَا وَمِثْلَهَا مَعَهَا قَالَ يَا رَبِّ أَتَسْتَهْزِئُ مِنِّي وَأَنْتَ رَبُّ الْعَالَمِينَ ‏"‏ ‏.‏ فَضَحِكَ ابْنُ مَسْعُودٍ فَقَالَ أَلاَ تَسْأَلُونِّي مِمَّ أَضْحَكُ فَقَالُوا مِمَّ تَضْحَكُ قَالَ هَكَذَا ضَحِكَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏.‏ فَقَالُوا مِمَّ تَضْحَكُ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ ‏"‏ مِنْ ضِحْكِ رَبِّ الْعَالَمِينَ حِينَ قَالَ أَتَسْتَهْزِئُ مِنِّي وَأَنْتَ رَبُّ الْعَالَمِينَ فَيَقُولُ إِنِّي لاَ أَسْتَهْزِئُ مِنْكَ وَلَكِنِّي عَلَى مَا أَشَاءُ قَادِرٌ ‏"‏
 

               
อับดุลลอฮ์ อิบนิมัสอู๊ด รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า คนสุดท้ายที่ได้เข้าสวรรค์ ก็คือชายผู้หนึ่งที่เดินล้มลุกคลุกคลาน โดยไฟนรกตามเผาผลาญเขาจนไหม้เกรียม และเมื่อเขาผ่านพ้นมาได้ เขาจะหันกลับไปมองแล้วกล่าวว่า ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงให้ฉันผ่านพ้นเจ้ามาได้ พระองค์อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ฉัน โดยพระองค์มิได้ทรงประทานให้แก่ผู้ใดก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้  แล้วต้นไม้ต้นหนึ่งก็ถูกทำให้ปรากฏแก่เขา, เขาจึงกล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของฉันเอ๋ย ได้โปรดให้ฉันเข้าใกล้ต้นไม้นี้ด้วยเถิด เพื่อฉันจะได้อาศัยร่มเงาของมัน และดื่มน้ำจากลำต้นของมัน  ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงเกียรติและสูงส่ง จึงกล่าวว่า โอ้มนุษย์เอ๋ย ถ้าข้าให้ตามที่เจ้าร้องขอ  แล้วเจ้ายังจะขออะไรอีกไหม เขากล่าวว่า ไม่ครับ โอ้องค์อภิบาลเอ๋ย และเขาให้สัญญาแก่พระองค์ในการที่จะไม่ขออะไรนอกจากนี้อีก  และองค์อภิบาลของเขาก็ทรงรับการร้องขอ ด้วยการที่เขารบเร้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ฉะนั้นเขาจึงถูกนำมาใกล้ต้นไม้ ซึ่งเขาได้อาศัยร่มเงาและดื่มน้ำจากลำต้นของมัน
                ต่อมาต้นไม้อีกต้นหนึ่งก็ถูกทำให้ปรากฏต่อหน้าเขา ซึ่งต้นไม้นี้สวยงามกว่าดีกว่าต้นแรก เขาจึงกล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของข้าเอ๋ย ได้โปรดให้ฉันเข้าใกล้ต้นไม้นี้ด้วยเถิด เพื่อฉันจะได้ดื่มน้ำจากลำต้นของมัน และอาศัยร่มเงาของมัน และฉันจะไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า โอ้มนุษย์เอ๋ย เจ้าไม่ให้สัญญาหรอกหรือว่าจะไม่ขออะไรอีกนอกจากที่ได้รับไปแล้ว พระองค์ถามเขาว่า ถ้าข้าให้เจ้าเข้าใกล้ต้นไม้นี้แล้ว เจ้ายังจะขอสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้อีกไหม แล้วเขาก็ให้สัญญากับพระองค์ว่าจะไม่ขออะไรมากไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นองค์อภิบาลของเขาจึงทรงรับการร้องขอ ด้วยการที่เขารบเร้าซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาจึงถูกนำมาใกล้ต้นไม้นี้ และได้อาศัยร่มเงาของมัน,ได้ดื่มน้ำจากลำต้นของมัน
                แต่ต่อมาต้นไม้ต้นหนึ่งจากประตูสวรรค์ก็ถูกให้ปรากฏแก่เขา ซึ่งมันสวยงามกว่าสองต้นแรก เขาจึงกล่าวว่า องค์อภิบาลของข้าเอ๋ย ได้โปรดให้ฉันเข้าใกล้ต้นไม้นี้ด้วยเถิด เพื่อฉันจะได้อาศัยร่มเงาของมัน และดื่มน้ำจากลำต้นของมัน และฉันจะไม่ขอสิ่งอื่นนอกจากนี้อีกแล้ว พระองค์กล่าวแก่เขาว่า โอ้มนุษย์เอ๋ย เจ้าไม่เคยให้สัญญาแก่ข้าหรอกหรือว่าจะไม่ขอสิ่งอื่นนอกจากที่เจ้าได้รับไปแล้ว เขาตอบว่า ใช่ครับ แต่หากฉันได้รับสิ่งนี้แล้วฉันก็จะไม่ขออย่างอื่นอีก  และองค์อภิบาลของเขาก็รับการ้องขอ ด้วยการที่เขารบเร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นเขาจึงนำไปใกล้ต้นไม้ และเมื่อเขาได้เข้าใกล้ต้นไม้นั้น เขาก็ได้ยินเสียงของชาวสวรรค์ เขาจึงกล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของข้าเอ๋ย ได้โปรดให้ฉันเข้าไปข้างในด้วนเถิด พรองค์จึงกล่าวแก่เขาว่า โอ้มนุษย์เอ๋ย เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดรบเร้าข้าเสียที เจ้าจะพอใจไหมถ้าข้าให้โลกดุนยากับเจ้าและมากกว่านั้นอีกเท่าตัว เขากล่าวว่า พระองค์ทรงเย้ยฉันกระนั้นหรือ ทั้งที่พระองค์ทรงเป็นผู้อภิบาลโลกทั้งผอง
                เมื่อรายงานมาถึงตรงนี้ อิบนิมัสอู๊ด ก็หัวเราะ แล้วถามคนรอบข้างว่า พวกเจ้าจะไม่ถามฉันหรือว่า หัวเราะทำไม พวกเขากล่าวว่า แล้วเพราะเหตุใดเล่าที่ทำให้ท่านหัวเราะ เขากล่าวว่า เช่นนี้แหละเมื่อท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวถึงตรงนี้ท่านก็หัวเราะ เหล่าศอฮาบะห์ก็ถามว่า ท่านหัวเราะด้วยเหตุใดหรือโอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์   ท่านตอบว่า จากการที่องค์อภิบาลแห่งโลกทั้งผองได้หัวเราะขณะที่เขากล่าวว่า พระองค์ทรงเยาะเย้ยฉันหรือ ทั้งที่พระองค์ทรงเป็นองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งผอง ดังนั้นพระองค์จึงกล่าวว่า ข้าไม่ได้เยาะเย้ยเจ้าหรอก หากแต่ข้าเป็นผู้สามารถ,มีพลังอำนาจกระทำในสิ่งที่ข้าประสงค์

   
   



ฮะดีษนี้มาจาก อ.ฟารีด เฟ็นดี้
http://www.fareedfendy.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Sections2&op=viewarticle2&artid=501