มุสลิม/หมวดที่1/บทที่12/ฮะดีษเลขที่ 0052
عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ، قَالَ حَدَّثَنِي مَحْمُودُ بْنُ الرَّبِيعِ، عَنْ عِتْبَانَ بْنِ مَالِكٍ، قَالَ قَدِمْتُ الْمَدِينَةَ فَلَقِيتُ عِتْبَانَ فَقُلْتُ حَدِيثٌ بَلَغَنِي عَنْكَ قَالَ أَصَابَنِي فِي بَصَرِي بَعْضُ الشَّىْءِ فَبَعَثْتُ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم أَنِّي أُحِبُّ أَنْ تَأْتِيَنِي فَتُصَلِّيَ فِي مَنْزِلِي فَأَتَّخِذَهُ مُصَلًّى - قَالَ - فَأَتَى النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم وَمَنْ شَاءَ اللَّهُ مِنْ أَصْحَابِهِ فَدَخَلَ وَهُوَ يُصَلِّي فِي مَنْزِلِي وَأَصْحَابُهُ يَتَحَدَّثُونَ بَيْنَهُمْ ثُمَّ أَسْنَدُوا عُظْمَ ذَلِكَ وَكِبْرَهُ إِلَى مَالِكِ بْنِ دُخْشُمٍ قَالُوا وَدُّوا أَنَّهُ دَعَا عَلَيْهِ فَهَلَكَ وَوَدُّوا أَنَّهُ أَصَابَهُ شَرٌّ . فَقَضَى رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم الصَّلاَةَ وَقَالَ " أَلَيْسَ يَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ وَأَنِّي رَسُولُ اللَّهِ " . قَالُوا إِنَّهُ يَقُولُ ذَلِكَ وَمَا هُوَ فِي قَلْبِهِ . قَالَ " لاَ يَشْهَدُ أَحَدٌ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ وَأَنِّي رَسُولُ اللَّهِ فَيَدْخُلَ النَّارَ أَوْ تَطْعَمَهُ " . قَالَ أَنَسٌ فَأَعْجَبَنِي هَذَا الْحَدِيثُ فَقُلْتُ لاِبْنِي اكْتُبْهُ فَكَتَبَهُ .                  

               ชัยบาน บินฟุรูค รายงานว่า สุไลมาน หมายถึงอิบนุลมุฆีเราะห์ ได้กล่าวว่า ษาบิต ได้เล่าให้เราฟังจาก อนัส บินมาลิก ว่า มะห์มูด อิบนุ้ลรอเบียะอ์ ได้เล่าให้ฉันฟังโดยนำมาจาก อิตบาน บินมาลิก
                           มะห์มูด กล่าวว่า  ฉันไปที่นครมะดีนะห์ และได้พบกับอิตบาน ฉันจึงกล่าวว่า ฮะดีษบทหนึ่งที่ท่านรายงานมีมาถึงฉัน (ซึ่งฉันอยากได้ยินมันจากปากของท่านเอง ฉันจึงได้มาพบท่านที่นครมะดีนะห์นี้) เขา (อิตบาน) กล่าวว่า สายตาของฉันพร่ามัวไม่อาจเห็นสิ่งใดได้ดังปกติ, (ในบางรายงานกล่าวว่า อิตบานเป็นคนตาบอด และเป็นผู้นำในกลุ่มชนของเขา)  ฉะนั้นฉันจึงส่งข้อความไปยังท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ว่า ฉันปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะมาหาฉันและละหมาดที่บ้านของฉันสักครั้งหนึ่ง เพื่อว่าฉันจะได้เอาสถานที่ตรงนั้นเป็นที่ละหมาด เขากล่าวว่า  แล้วท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็มาที่บ้านของฉันจริงๆ พร้อมกับศอฮาบะห์ ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ ท่านได้เข้าไปข้างในและละหมาดภายในบ้านของฉันพร้อมกับศอฮาบะห์ของท่าน  พวกเขา (เหล่าศอฮาบะห์) ได้สนทนากัน (ขณะนั้นท่านรอซูลยังคงละหมาดอยู่)  โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะกล่าวถึงพฤติกรรมของ มาลิก บินดุคชุม (ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาพวกหน้าไหว้หลังหลอก และอยู่ในกลุ่มชนของอิตบานด้วย)  พวกเขา (เหล่าศอฮาบะห์) ได้กล่าววิพากษ์กันไปต่างๆนานา บ้างก็อยากให้ท่านนบีสาปแช่งเขา, เพื่อเขาจะได้พินาศ และบ้างก็ว่า อยากให้เขาประสบกับความวิบัติ (เนื่องจากทนพฤติกรรมเลวร้ายของเขาไม่ไหว)   หลังจากที่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เสร็จจากละหมาด ท่านก็กล่าวว่า เขา (มาลิก บินดุคชุม) มิได้ปฏิญาณหรือว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และฉันคือศาสนทูตของอัลลอฮ์  พวกเขาตอบว่า ใช่ ! เขากล่าวคำปฏิญาณ  แต่มันไม่ได้ออกจากหัวใจ (ที่ศรัทธามั่น) ท่านกล่าวว่า  ไม่มีผู้ใดที่กล่าวปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และฉันเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์ จะเข้านรกหรือเป็นเหยื่อของไฟนรก

 
                อนัสได้กล่าวว่า  ฮะดีษนี้ทำให้ฉันประทับใจมาก ฉันจึงบอกกับลูกชายฉันว่า บันทึกฮะดีษนี้ไว้ แล้วลูกชายของฉันก็บันทึกมันไว้ 




ฮะดีษนี้มาจาก อ.ฟารีด เฟ็นดี้
http://www.fareedfendy.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Sections2&op=viewarticle2&artid=73