ทำไมท่านอาลีรายงานฮะดีษเพียงน้อยนิดในตำราของชาวซุนนะห์



ข้อความจั่วหัวนี้คือวาทะกรรมจากเหล่าชีอะห์ที่โพทนาว่า “ทำไมท่านอาลีและวงศ์วานของท่านถึงมีคำรายงานฮะดีษในตำราของชาวซุนนะห์เพียงน้อยนิด ต่างจากนางอิชะห์และศอฮาบะห์คนอื่นๆที่รายงานฮะดีษเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ อบูฮุรอยเราะห์ ซึ่งเป็นศอฮาบะห์ที่รายงานฮะดีษมากที่สุด”

คำโพทนาของพวกเขานี้สร้างความคลอนแคลนแก่บรรดามุสลิมที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง พาลสงสัยในตัวผู้รายงานและตำราบันทึกฮะดีษของชาวซุนนะห์ แต่ความจริงก็คือความจริงที่สามารถตรวจสอบได้ มิใช่เรื่องเท็จ หรือถ้อยคำอุปโลกน์ที่เหล่าชีอะห์สร้างขึ้นเพื่อทำลายรากฐานของอิสลาม

หากจะเปรียบเทียบระหว่างบรรดาค่อลีฟะห์ทั้งสี่คือ ท่านอบูบักร์, ท่านอุมัร, ท่านอุสมาน,และท่านอาลี (ร่อดิยัลลอฮุอันฮุม) ก็จะพบว่า ท่านอาลีมีคำรายงานที่มากกว่าคอลีฟะห์ทั้งสามท่านดังนี้

ท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก รายงานฮะดีษไว้เพียง 59 บท
ท่านอุมัร อิบนุลค๊อตต๊อบ รายงานฮะดีษไว้เพียง 240 บท
ท่านอุสมาน บิน อัฟฟาน รายงานฮะดีษไว้เพียง 92 บท
ขณะที่ท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ รายงานฮะดีษไว้มากถึง 423 บท

เมื่อเราดูข้อเท็จจริงแล้ว กลับพบว่า ท่านอาลีเพียงคนเดียวรายงานฮะดีษไว้มากกว่าคอลีฟะห์ทั้งสามท่านรวมกันเสียอีก แล้วอย่างไรเล่าที่ชีอะห์กล่าวว่า ท่านอาลีมีคำรายงานเพียงน้อยนิดในตำราของชาวซุนนะห์ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วกลับเป็นท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก ที่มีคำรายงานน้อยนิดในบรรดาคอลีฟะห์

และหากจะเปรียบเทียบระหว่างคำรายงานของท่านอาลี กับบรรดาภรรยาของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิ เราก็จะพบว่า

ท่านหญิงญุวัยรี่ยะห์ รายงานฮะดีษไว้เพียง 5 บท
ท่านหญิงฮับเซาะห์ รายงานฮะดีษไว้เพียง 24 บท
ท่านหญิงรอมละห์ หรือ อุมมุฮะบีบะห์ รายงานฮะดีษไว้เพียง 21 บท
ท่านหญิงซัยหนับ บินติ ญะฮ์ซิน รายงานฮะดีษไว้เพียง 6 บท
ท่านหญิงเซาดะห์ บินติ ซัมอะห์ รายงานฮะดีษไว้เพียง 3 บท
ท่านหญิงซอฟียะห์ บินติ ฮุยัยย์ รายงานฮะดีษไว้เพียง 7 บท
ท่านหญิงมัยมูนะห์ บินติฮาริษ รายงานฮะดีษไว้เพียง 36 บท
ท่านหญิงอุมมุซะละมะห์ รายงานฮะดีษไว้เพียง 174 บท

เมื่อรวมคำรายงานจากบรรดาภรรยาของท่านนบีทั้งหมด (ไม่นับรวมคำรายงานของท่านหญิงอาอิชะห์) ก็มีจำนวนแค่เพียง 276 บทเท่านั้น ยังน้อยกว่าท่านอาลีเพียงคนเดียวที่รายงานไว้ถึง 423 บท

ไหนเล่าที่ชีอะห์กล่าวว่า ท่านอาลีมีคำรายงานน้อยนิดในตำราของชาวซุนนะห์ แต่ตรงกันข้าม ท่านอาลีกลับเป็นผู้ที่คำรายงานมากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาภรรยาคนอื่นๆของท่านนบีนอกจากท่านหญิงอาอิชะห์

หากจะเปรียบเทียบระหว่างภรรยาของท่านอาลีคือท่านหญิงฟาติมะห์ กับท่านหญิงอาชะห์ และบรรดาศอฮาบะห์ท่านอื่นๆ ที่มีชีวิตหลังจากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เราก็จะพบข้อเท็จจริงดังนี้

ท่านหญิงอาอิชะห์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา) เสียชีวิตในปีที่ 58 ฮิจเราะห์ศักราช
ท่านอบูฮุรอยเราะห์เสียชีวิตในปีที่ 58 เช่นเดียวกัน
ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนิ อัมร์ อิบนิอาศ เสียชีวิต 63 ฮิจเราะห์ศักราช
ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนิ อุมัร เสียชีวิตในปีที่ 73 ฮิจเราะห์ศักราช
ส่วนท่านหญิงฟาติมะห์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา) เสียชีวิตในปีที่ 10 ฮิจเราะห์ศักราช หลังการเสียชีวิตของท่านนบีเพียง 6 เดือน บางรายงานระบุว่า เธอเสียชีวิตหลังจากท่านนบีเพียง 3 เดือน (ดูตารีคุลอิสลาม เล่มที่ 2 หน้าที่ 29)

ฉะนั้นจึงเป็นธรรมดาเหลือเกินที่ท่านหญิงฟาติมะห์ จะมีคำรายงานจากท่านนบีไม่มากเนื่องจากเธอมีชีวิตอยู่หลังจากท่านนบีไม่นาน หรือเหล่าชีอะห์จะให้ท่านหญิงฟาติมะห์รายงานฮะดีษเป็นพันเป็นหมื่นบท ทั้งที่เธอมีชีวิตอยู่หลังจากท่านนบีเพียง 3 เดือน หรือ 6 เดือน เท่านั้น นี่คือข้อเท็จจริงที่เรามิอาจมองข้าม

แต่ท่านหญิงอาอิชะห์ใช้ชีวิตอยู่หลังจากท่านนบีเสียชีวิตอีก 48 ปี และเธอได้ทำหน้าที่ตอบคำถามและให้ความรู้แก่บรรดาผู้คนในเรื่องข้อบัญญัติที่ได้ทราบจากท่านนบี รวมคำรายงานที่เธอรายงานไว้ทั้งสิ้น 2210 ฮะดีษ มีในบันทึกศอเฮียะห์บุคอรี 54 ฮะดีษ ในศอเฮียะห์มุสลิม 68 ฮะดีษ นอกเหนือจากนั้นมีอยู่ในบันทึกอื่นๆ คำรายงานที่ถูกถ่ายทอดจากท่านหญิงอาอิชะห์นี้ เกิดจากการที่บรรดาผู้ที่ได้เรียนรู้จากเธอได้นำไปรายงานต่อ และบางคำรายงานก็เป็นเรื่องเดียวกันในเหตุการณ์เดียวกัน หรือกล่าวได้ว่าเป็นคำรายงานที่ซ้ำซ้อน

ส่วนกรณีของอบูฮุรอยเราะห์นั้น เป็นประเด็นที่เหล่าชีอะห์หยิบเอามาโพทนาว่า เป็นไปไม่ได้ที่ในช่วงระยะเวลาสองปีเศษที่อบูฮุรอยเราะห์ทันท่านนบีแล้วจะรายงานฮะดีษไว้มากมายขนาดนั้น

ผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็พลอยเออออไปกับพวกเขาด้วย แล้วก็จะระแวงฮะดีษที่รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะห์ แต่ความจริงก็คือ

ท่านอบูฮุรอยเราะห์เป็นเผ่าเดาซ์จากเยเมน เดินทางมาที่นครมะดีนะห์ในเดือน มุฮัรรอม ปีที 7 ฮิจเราะห์ศักราช ท่านเป็นหนึ่งในอะห์ลุสซุฟฟะห์ หมายถึงบรรดาผู้ที่พักอยู่ด้านข้างมัสยิดของท่านนบี

عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رضي الله عنه قَالَ : إِنَّ النَّاسَ يَقُولُونَ : أَكْثَرَ أَبُو هُرَيْرَةَ ؛ وَلَوْلَا آيَتَانِ فِي كِتَابِ اللَّهِ مَا حَدَّثْتُ حَدِيثًا ، ثُمَّ يَتْلُو : ( إِنَّ الَّذِينَ يَكْتُمُونَ مَا أَنْزَلْنَا مِنْ الْبَيِّنَاتِ وَالْهُدَى ) إِلَى قَوْلِهِ : ( الرَّحِيمُ ) [البقرة/159-160] ؛ إِنَّ إِخْوَانَنَا مِنْ الْمُهَاجِرِينَ كَانَ يَشْغَلُهُمْ الصَّفْقُ بِالْأَسْوَاقِ ، وَإِنَّ إِخْوَانَنَا مِنْ الْأَنْصَارِ كَانَ يَشْغَلُهُمْ الْعَمَلُ فِي أَمْوَالِهِمْ ، وَإِنَّ أَبَا هُرَيْرَةَ كَانَ يَلْزَمُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِشِبَعِ بَطْنِهِ ، وَيَحْضُرُ مَا لَا يَحْضُرُونَ ، وَيَحْفَظُ مَا لَا يَحْفَظُونَ

“ ท่านอบูฮุรอยเราะห์ ร่อดิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : บรรดาผู้คนพูดกันว่า อบูฮุรอยเราะห์รายงานฮะดีษมากที่สุด แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสองอายะห์ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ฉันก็จะไม่รายงานฮะดีษใดๆเลย แล้วเขาก็อ่านอายะห์ที่ว่า (แท้จริงบรรดาผู้ที่ปิดบังสิ่งที่ถูกประทานลงมาจากความชัดเจนและทางนำ) จนกระทั่งถึงถ้อยคำที่ว่า (ผู้ทรงเมตตาต่อผู้ศรัทธาในอาคิเราะห์) [ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 159 - 160] แท้จริงบรรดาพี่น้องของเราจากชาวมุฮาญีรีนต่างยุ่งเรื่องการค้าขายในตลาด ส่วนบรรดาพี่น้องชาวอันศอรต่างก็ยุ่งกับการทำงานในทรัพย์สินของพวกเขา แต่อบูฮุรอยเราะห์นั้นเคียงข้างท่านรอซูลแค่อาศัยอิ่มท้อง เขาอยู่ในขณะที่คนอื่นไม่อยู่ เขาจำในขณะที่คนอื่นไม่ได้จำ” ศอเฮียะห์บุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 115

อบูฮุรอบเราะห์ รายงานฮะดีษไว้ทั้งสิ้นจำนวน 5347 ฮะดีษ ถือเป็นศอฮาบะห์ที่รายงานฮะดีษไว้มากที่สุด และนี่เป็นประเด็นที่ชีอะห์หยิบเอาไปโจมตีใส่ร้ายว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ในช่วงระยะเวลาสองปีเศษจะรายงานฮะดีษไว้มากมายเพียงนี้ แต่มันก็เป็นเพียงวาทะกรรมที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีกล่าวร้ายต่ออบูฮุรอยเราะห์และตำราบันทึกฮะดีษของชาวซุนนะห์เท่านั้นเอง

เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว ท่านอบูฮุรอยเราะห์อยู่กับท่านนบีสองปีเศษและรายงานฮะดีษด้วยตัวเองเพียงลำพังแค่ 8 บทเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นคำรายงานที่ตรงกับคำรายงานของศอฮาบะห์ท่านอื่นๆ กล่าวคือ

อบูฮุรอยเราะห์มีชีวิตอยู่หลังจากท่านนบีเสียชีวิตแล้วอีก 48 ปี ไม่ใช่รายงานฮะดีษในช่วงระยะเวลาสองปีเศษอย่างที่ชีอะห์กล่าวอ้าง และคำรายงานของอบูฮุรอยเราะห์นั้น คือเรื่องราวที่ท่านได้ฟังจากบรรดาศอฮาบะห์ท่านอื่นๆ หรือรายงานตรงกับคำรายงานของบรรดาศอฮาบะห์ท่านอื่นๆนั่นเอง

เราตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเหล่าชีอะห์ถึงได้หยิบเอาฮะดีษในตำราของชาวซุนนะห์มาอ้าง และหยิบคำบรรดาศอฮาบะห์ผู้รายงานมาวิจารณ์ ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้เชื่อถือในตำราเหล่านั้นและไม่ได้เชื่อมั่นต่อบรรดาภรรยาและศอฮาบะห์ของท่านนบี อีกทั้งวิธีการนำมาอ้างและการวิจารณ์เต็มไปด้วยอคติ โกหกและบิดเบือน

นี่คือการทำลายรากฐานของศาสนาใช่ไหม เพราะฮะดีษคือสิ่งที่ถูกรายงานมาจากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และหากผู้รายงานในระดับศอฮาบะห์คือบรรดาภรรยาของท่านนบีและบรรดาศอฮาบะห์เชื่อถือไม่ได้ แล้วมุสลิมจะเหลืออะไรให้ยึดถือเป็นศาสนา

นี่แหละ....ชีอะห์อิมามียะห์ หรือชีอะห์อิหม่ามสิบสอง คือผู้บ่อนทำลายอิสลามโดยแท้