ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 20


يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيْهِ وَإذَا أظَْلََمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأبْصَارِهِمْ إنَّ اللهَ عَلَى كُلِّ شَيْئٍ قَدِيْرٌ

สายฟ้าแลบเกือบจะคร่าสายตาของพวกเขาไป คราใดที่เกิดความสว่างแก่พวกเขา พวกเขาก็จะเดินไปในมัน และเมื่อความมืดปกคลุมพวกเขา พวกเขาก็จะหยุดยืน และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ ก็จะนำเอาการได้ยินของพวกเขาและการเห็นของพวกเขาไป แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง


พระองค์อัลลอฮ์ทรงเปรียบความชัดเจนของอัลกุรอานดังสายฟ้าแลบ ซึ่งแสงสว่างจ้าของมันนั้นเกือบที่จะทำให้สายตาของพวกเขามืดบอด
เมื่อเกิดแสงสว่างทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งต่างๆ พวกเขาก็เดิน หมายถึงเมื่อพวกเขาน้อมรับคำสอนทำให้เกิดแสงสว่างในหัวใจที่สามารถนำพาพวกเขาไป
แต่เมื่อเกิดความมืดพวกเขาก็หยุดยืน หมายถึงเมื่อพวกเขาได้ละทิ้งคำสอน ทำให้หัวใจของพวกเขามืดมนไม่สามารถก้าวต่อไปได้ โดยพวกเขาหยุดอยู่บนการปฏิเสธการศรัทธา

อิบนุ อิสหาก กล่าวว่า มูฮัมหมัด อิบนุ อบีมูฮัมหมัด เล่าให้ฉันฟัง จาก อิกริมะห์ หรือ สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (สายฟ้าแลบเกือบจะคร่าสายตาของพวกเขาไป) หมายถึงความรุนแรงจากแสงแห่งสัจธรรม คราใดที่แสงสว่างปรากฏขึ้น พวกเขาก็จะเดินโดยอาศัยแสงสว่างนั้น (และเมื่อความมืดปกคลุมพวกเขา พวกเขาก็จะหยุดยืน) หมายถึง คราใดที่การศรัทธาได้ปรากฏแก่พวกเขา พวกเขาก็จะน้อมรับและปฏิบัติตาม แต่บางทีความสงสัยที่เกิดขึ้นมันได้ทำให้หัวใจของพวกเขามืดมน พวกเขาก็จะหยุดยืนเคว้งคว้าง
อาลี อิบนุ อบี ฏอลฮะห์ กล่าวว่า จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (คราใดที่เกิดความสว่างแก่พวกเขา พวกเขาก็จะเดินไปในมัน) เขากล่าวว่า : คราใดที่บรรดาผู้กลับกลอกทางด้านการศรัทธาได้ประสบกับความสูงส่งในอิสลามพวกเขาก็สงบ แต่คราใดที่พวกเขาประสบกับความทุกข์ยากในอิสลาม พวกเขาก็จะหยุดและหวนกลับไปสู่การปฏิเสธ ดังเช่นถ้อยคำของอัลลอฮ์ที่ว่า

وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَعْبُدُ اللهَ عَلَى حَرْفٍ فَإِنْ أَصَابَهُ خَيْرٌ أَطْمَأنَّ بِهِ


“และมนุษย์บางคน เป็นผู้ที่สักการะต่ออัลลอฮ์เพียงผิวเผิน หากความดีประสบกับเขา เขาก็จะสงบด้วยสิ่งนั้น” ซูเราะห์ อัลฮัจญ์ อายะห์ที่ 11

ในวันกิยามะห์นั้นสภาพของมนุษย์แต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป สำหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้นจะมีรัศมี ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

يَوْمَ تَرَى الْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ يَسْعَى نُوْرُهُمْ بَيْنَ أيْدِيْهِمْ وَبِأيْمَانِهِمْ بُشْرَاكُمُ الْيَوْمَ جَنَّاتٌ


“วันที่เจ้าจะได้เห็นบรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิง ซึ่งแสงสว่างของพวกเขาจะฉายแสงที่เบื้องเหน้าของพวกเขา และเบื้องขวาของพวกเขา (จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า) วันนี้มีข่าวดีแก่พวกเจ้า คือสวรรค์หลากหลาย” ซูเราะห์ อัลฮะดีด อายะห์ที่ 12

ส่วนสภาพของผู้กลับกลอกทางด้านการศรัทธาในวันกิยามะห์นั้น พวกเขาต้องการอาศัยแสงสว่างของบรรดาผู้ศรัทธาเพื่อนำทาง เหมือนดังที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

يَوْمَ يَقُوْلُ الْمُنَافِقُوْنَ وَالْمُنَافِقَاتُ للَّذِيْنَ آمَنُوا اُنْظُرُوْنَا نَقْتَبِسْ مِنْ نُوْرِكُمْ قِيْلَ ارْجِعُوا وَرَائَكُمْ فَالْتَمِسُوا يُوْراً فَضُرِبَ بَيْنَهُمْ بِسُورٍ لَّهُ بَابٌ بَاطِنُهُ فِيْهِ الرَّحْمَةُ وَظَاهِرُهُ مِنْ قِبَلِهِ الْعَذَابُ

“วันที่บรรดาผู้กลับกลอกทางด้านการศรัทธาทั้งชายและหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า โปรดมองมาที่พวกเราบ้างเถิด เพื่อพวกเราจะได้รับแสงสว่างของพวกท่านบ้าง จะมีผู้กล่าวว่า พวกเจ้าจงมองไปเบื้องหลังของพวกเจ้า และจงแสวงหาแสงสว่างเอาเอง ทันใดนั้นก็จะมีกำแพงที่มีประตูมาปิดกั้นระหว่างพวกเขา ด้านในของประตูนั้นมีความเมตตา และด้านนอกของประตูนั้นมีการลงโทษ” ซูเราะห์ อัลฮะดีด อายะห์ที่ 13

ในท้ายอายะห์นี้ พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า (และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ ก็จะนำเอาการได้ยินของพวกเขาและการเห็นของพวกเขาไป) พระองค์มิได้ทรงกล่าวว่า จะเอาหูของพวกเขาไปหรือเอาตาของพวกเขาไป แต่พระองค์จะเอาลักษณะการเห็นและการได้ยินออกไปจากพวกเขา ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีหูและมีตา แต่ก็ไม่สามารถที่จะได้ยินหรือได้เห็นสัจธรรมได้อย่างเข้าใจ

“มูฮัมหมัด บิน อิสหาก กล่าวว่า : มูฮัมหมัด อิบนุ อบี มูฮัมหมัด เล่าให้เราฟังจาก อิกริมะห์ หรือ จาก สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ ก็จะนำเอาการได้ยินของพวกเขาและการเห็นของพวกเขาไป) คือ ด้วยเหตุที่พวกเขาละทิ้งสัจธรรมหลังจากที่ได้รับรู้แล้ว
ส่วนถ้อยคำที่ว่า (แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง) อิบนิ อับบาส กล่าวว่า หมายถึงอัลลอฮ์มีอำนาจเหนือทุกสิ่งตามที่พระองค์ประสงค์ ในการจะลงโทษบ่าวหรือให้อภัยแก่บ่าวก็ย่อมได้” ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 85