ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 21


يأيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمْ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِيْنَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُوْنَ

โอ้มนุษย์เอ๋ย จงสักการะต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้า ผู้ซึ่งสร้างพวกเจ้าและบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง


พระองค์อัลลอฮ์ทรงขึ้นต้นอายะห์นี้ด้วยคำเรียกรวมว่า “โอ้มนุษย์เอ๋ย” โดยมิได้เจาะจงว่าเป็นผู้ใด ซึ่งการเรียกเช่นนี้มักจะเป็นการเรียกร้องสู่เอกภาพของอัลลอฮ์เสมอ ต่างกับคำเรียกในอายะห์อื่นที่กล่าวว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย” ซึ่งมักจะระบุข้อบัญญัติใช้หรือห้ามในข้อความถัดมา

“มูฮัมหมัด บิน อิสหาก กล่าวว่า : มูฮัมหมัด อิบนุ อบีมูฮัมหมัด เล่าให้ฉันฟัง จาก อิกริมะห์ หรือ สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ จาก อิบนิ อับบาส กล่าวว่า ข้อความที่ว่า (โอ้มนุษย์เอ๋ย จงสักการะต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้า) มีความหมายรวมถึงบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาและบรรดาผู้กลับกลอกการศรัทธาทั้งหมดทั้งสองกลุ่ม คือ พวกเจ้าจงให้เอกภาพต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้า ผู้ซึ่งสร้างพวกเจ้าและบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้า” ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 86

การให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์นั้นคือ ยอมให้พระองค์เป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อและการถวายสักการะ โดยไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์
พระองค์อัลลอฮ์เรียกร้องให้มนุษย์พิจารณาสิ่งที่ประจักษ์เพื่อยืนยันในการเป็นพระเจ้าของพระองค์ในฐานะผู้สร้างและผู้อภิบาล, ทรงชี้ให้เห็นว่ามนุษย์คือสิ่งถูกสร้าง ทั้งตัวของเขาและผู้ที่มาก่อนหน้าเขา โดยระบุว่าพระองค์คือผู้สร้างโดยใช้คำว่า “ค่อลาก่อกุ้ม” ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงบอกให้มนุษย์ได้ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นผู้อภิบาลของพวกเขา โดยใช้คำว่า “ร๊อบบุกุ้ม” ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ไม่เพียงแต่สร้างมนุษย์ขึ้นมาเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงดูแลพวกเขาโดยให้โลกนี้เป็นที่อยู่อาศัย และปัจจัยในการดำรงชีพนานัปการ
จะเห็นได้ว่า อิสลามมิได้ขู่บังคับผู้ใดให้สักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์โดยปราศจากความเชื่อ แต่กลับเรียกร้องให้พิจารณาสิ่งถูกสร้างต่างๆเพื่อให้เกิดศรัทธา แต่ถ้าไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องแสดงสักการะ ดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า

قُلْ يَأيُّهَا الْكَافِرُوْنَ لاَ أعْبُدُ مَا تَعْبُدُوْنَ وَلاَ أَنْتُمْ عَابِدُوْنَ مَا أعْبُدُ وَلاَ أَنَا عَابِدٌ مَّا عَبَدْتُمْ وَلاَ أنْتُمْ عَابِدُوْنَ مَا أعْبُدُ لَكُمْ دِيْنُكُمْ وَلِيَ دِيْن


“จงกล่าวเถิดมูฮัมหมัด โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเอ๋ย ฉันจะไม่สักการะสิ่งที่พวกท่านสักการะ และพวกท่านก็ไม่ได้เป็นผู้สักการะสิ่งที่ฉันสักการะ และฉันก็มิได้เป็นผู้สักการะสิ่งที่พวกท่านสักการะ และพวกท่านก็มิได้เป็นผู้สักการะสิ่งที่ฉันสักการะ สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน” ซูเราะห์ อัลกาฟิรูน อายะห์ที่ 1-6

ทั้งๆที่ความเชื่อในเรื่องพระเจ้าองค์เดียวนี้เป็นคำสอนสูงสุดและสำคัญที่สุดในอิสลาม แต่กลับเรียกร้องให้พิจารณา มิใช่ขู่เข็ญบังคับให้ศรัทธาและสักการะ ดังที่ศัตรูของอิสลามได้สร้างภาพใส่ร้าย จนทำให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสศึกษาข้อเท็จจริงในคำสอนของอิสลามหลงเชื่อ แล้วช่วยประโคมข่าวเท็จเช่นนี้ให้กระจายออกไป แต่ผู้ที่หัวใจบริสุทธิ์นั้น เมื่อได้ศึกษาข้อเท็จจริงจากคำสอนของศาสนาอิสลามแล้ว กลับพบว่า มิได้เป็นดังเช่นที่ขบวนการทำลายอิสลามได้กล่าวอ้าง เช่นพระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

لاَ إكْرَاهَ فِي الدِّيْنِ

“ไม่มีการบังคับในการถือศาสนา” ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 256


การเรียกร้องให้พิจารณาสิ่งต่างๆเพื่อให้เกิดศรัทธานั้นคือ กระบวนการพิจารณาสิ่งถูกสร้างเพื่อให้ศรัทธาต่อผู้สร้าง มิใช่การพิจารณาในตัวผู้สร้าง และสิ่งที่จะนำมาพิจารณาเพื่อยืนยันและให้การยอมรับในการเป็นพระเจ้าของพระองค์อัลลอฮ์ ก็คือสิ่งที่ใกล้ที่สุดที่มนุษย์สามารถพิจารณาได้ นั่นคือตัวของพวกเขาเอง

และเมื่อได้ประจักษ์ต่อตนเองจนเกิดศรัทธาแล้ว จึงนำไปสู่ความยำเกรง และพร้อมที่จะสักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่ศรัทธามั่น