ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 58


وَإذْ قُلْنَا ادْخُلُوا هَذِهِ الْقَرْيَةَ فَكُلُوا مِنْهَا حَيْثُ شِئْتُمْ رَغَداً وَادْخُلُوا الْبَابَ سُجَّداً وَقُوْلُوا حِطَّةٌ نَغْفِرْلَكُمْ خَطَايَاكُمْ وَسَنَزِيْدُ الْمُحْسِنِيْنَ


และจงทบทวนเมื่อครั้งที่เราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงเข้าสู่เมืองนี้ และจงกินสิ่งที่มีอยู่ในเมืองนี้ตามแต่พวกเจ้าปรารถนา และพวกเจ้าจงเข้าประตูเมืองในสภาพแสดงการคาราวะ และพวกเจ้าจงกล่าวว่า “ฮิตเฏาะฮ์” เราก็จะอภัยโทษความผิดของพวกเจ้า และเราจะเพิ่มพูนให้แก่ผู้กระทำความดี



พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงบัญชาให้บนีอิสรออีลเข้าสู่เมือง อัลกุดซ์ หรือ บัยตุ้ลมักดิส โดยให้อิสระแก่พวกเขาในการบริโภคสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในเมืองนั้นตามแต่พวกเขาปรารถนา แต่พระองค์ได้วางกฎเกณฑ์แก่พวกเขาขณะที่จะเข้าสู่เมืองอัลกุดซ์ โดยให้พวกเขาก้มศีรษะเพื่อเป็นการแสดงการคาราวะ พร้อมทั้งกล่าวถ้อยคำสารภาพผิดด้วยคำว่า “ฮิตเฏาะฮ์ ซึ่งการกระทำตามพระบัญชานี้เป็นเหตุให้พระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาในความผิดที่พวกเขาได้ก่อขึ้น และการปฏิบัติตามพระบัญชานั้นเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ซึ่งเป็นพฤติกรรมของผู้ประพฤติดีและปฏิบัติคุณงามความดี ซึ่งแน่นอนว่า ความดีที่พวกเขากระทำนี้ย่อมได้รับผลตอบแทนเพิ่มพูน

อิบนุ ญะรีร อัตฏอบะรีย์ กล่าวว่า “เมืองที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงบัญชาให้พวกเขาได้เข้าไปและบริโภคสิ่งที่อยู่ในเมืองนั้นตามแต่พวกขาต้องการ ตามที่ได้มีรายงานมาถึงเราก็คือ “บัยตุ้ลมักดิส” ดังคำรายงานต่อไปนี้
อัลฮะซัน บิน ยะห์ยา ได้เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อับดุรรอซาก ได้บอกกับเราโดยกล่าวว่า มะอ์มัร ได้เล่าให้เราฟังจาก ก่อตาดะห์ ในถ้อยคำที่ว่า (พวกเจ้าจงเข้าสู่เมืองนี้) เขากล่าวว่า คือ บัยตุ้ลมักดิส
ฮารูณ บิน มูซา ได้เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อัมร์ บิน ฮัมมาด เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อัสบาฏ เล่าให้เราฟังจาก อัสซุดดีย์ ในถ้อยคำที่ว่า (และจงทบทวนเมื่อครั้งที่เราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงเข้าสู่เมืองนี้) คำว่า เมือง ในที่นี้คือเมือง บัยตุ้ลมักดิส
ถูกเล่าให้ฉันฟังจาก อัมมาร บิน อัลฮะซัน กล่าวว่า อับดุลลอฮ์ บิน อบี ญะอ์ฟัร เล่าให้เราฟังจากพ่อของเขา จาก อัรรอเบียะอ์ ในถ้อยคำที่ว่า (และจงทบทวนเมื่อครั้งที่เราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงเข้าสู่เมืองนี้) หมายถึง บัยตุ้ลมักดิส
ยูนุส ได้เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อิบนุ วะฮ์บ ได้บอกกับเราโดยกล่าวว่า ฉันได้ถามเขา หมายถึง อิบนุ ซัยด์ เกี่ยวกับถ้อยคำที่ว่า (พวกเจ้าจงเข้าสู่เมืองนี้ และจงกินสิ่งที่มีอยู่ในเมืองนี้ตามแต่พวกเจ้าปรารถนา) เขากล่าวว่า คือเมือง อเรฮา ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งใน บัยตุ้ลมักดิส” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 299

หมายเหตุ : อเรฮา เป็นเมืองหนึ่งในดินแดนปาเลสไตน์ ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ทางด้านทิศเหนือของ เดดซี ปัจจุบันเรียกว่าเมือง “เจริโก” (Jericho)

นักอรรถาธิบายอัลกุรอานโดยส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่ตรงกันว่าคำว่า เมืองในอายะห์นี้คือ ตัวเมืองบัยตุ้ลมักดิส ไม่ใช่เมืองบริวาลโดยรอบ เพราะฉะนั้นการที่นักวิชาการบางท่านกล่าวว่าคำว่าเมืองในที่นี้คือเมือง อเรฮา นั้น ท่านอิบนิกะษีร วิจารณ์ว่า
“มันไกลมากและไม่ใช่ผ่านของพวกเขา ซึ่งจุดมุ่งหมายของพวกเขาคือ บัยตุ้ลมักดิส ไม่ใช่ อเรฮา ยิ่งไปกว่านั้น มีบางท่านกล่าวว่าคือเมือง อียิปต์ ซึ่งไกลยิ่งกว่านั้นอีก ซึ่ง ฟัครุดดีน ได้กล่าวไว้ในตัฟซีรของเขา และที่ถูกต้องคือ บัยตุ้ลมักดิส” ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 139

พระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า (และพวกเจ้าจงเข้าประตูเมืองในสภาพแสดงการคาราวะ) เมื่อกล่าวคำว่า “สุญูด” คนบ้านเราโดยทั่วไปก็จะเข้าใจว่าคือการก้มกราบ ดั่งที่กระทำในอิริยาบถของการละหมาด แต่คำว่า “สุญูด” ที่ถูกกล่าวไว้ในอายะห์นี้มีความหมายในทางภาษา เช่นเดียวกับที่ได้อธิบายไว้ก่อนแล้วในซูเราะห์นี้ อายะห์ที่ 34 ซึ่งหมายถึงการแสดงคาราวะ หรืออากับกิริยาที่แสดงการให้เกียรติ ด้วยการก้มศีรษะ
“อัสซุดดีย์ กล่าวว่า จาก อบี สะอี๊ด อัลอัซดีย์ จาก อบีกุนูด จาก อับดุลลอฮ์ อิบนิ มัสอู๊ด กล่าวว่า : เมื่อมีผู้บอกกับพวกเขาว่าจงเข้าประตูด้วยการแสดงคาราวะ แต่พวกเขากลับเข้าไปในสภาพที่เงยศีรษะ ซึ่งสวนทางกับที่พวกเขาถูกใช้” ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 140

ถ้อยคำที่ว่า (และพวกเจ้าจงกล่าวว่า “ฮิตเฏาะฮ์”) คือกล่าวสารภาพผิดด้วยคำว่า “ฮิตเฏาะฮ์”
“อัสเซารีย์ กล่าวว่า จาก อัลอะอ์มัช จาก อัลมินฮาล จาก สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (และพวกเจ้าจงกล่าวว่า “ฮิตเฏาะฮ์”) คือ การขออภัยโทษ หมายถึง พวกเจ้าจงขออภัยโทษ
อัลฮะซัน และ ก่อตาดะห์ กล่าวว่า ถ้อยคำนี้หมายถึง : ได้โปรดปลดเปลื้องความผิดของพวกเราด้วยเถิด” ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 140

ส่วนถ้อยคำที่ว่า (เราก็จะอภัยโทษความผิดของพวกเจ้า และเราจะเพิ่มพูนให้แก่ผู้กระทำความดี) ข้อความประโยคนี้แสดงถึงผลของการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ คือ เมื่อพวกเจ้าได้ทำตามที่สั่งใช้ ทั้งคำพูดและการกระทำ หมายถึงแสดงคาราวะพร้อมทั้งกล่าวสารภาพผิด เราก็จะอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าในความผิดของพวกเจ้าที่ได้กระทำมา และเราก็จะเพิ่มพูนความดีต่างๆให้แก่พวกเจ้าในฐานะเป็นผู้ที่นอบน้อมและยอมจำนน