ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 59


فَبَدَّلَ الَّذِيْنَ ظَلَمُوا قَوْلاً غَيْرَ الَّذِي قِيْلَ لَهُمْ فَأنْزَلْنَا عَلَى الَّذِيْنَ ظَلَمُوا رِجْزاً مِّنَ السَّمَاءِ بِمَا كاَنُوا يَفْسُقُوْنَ


แต่บรรดาผู้อธรรมได้เปลี่ยนเอาถ้อยคำที่ไม่ได้ถูกกล่าวแก่พวกเขา เราจึงได้ให้การลงโทษจากฟ้าลงมายังบรรดาผู้อธรรม ด้วยสิ่งที่พวกเขาละเมิด



ในขณะที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงเมตตาต่อบนีอิสรออีล และพร้อมที่จะให้อภัยพวกเขา โดยใช้ให้พวกเขาแสดงคาราวะก่อนที่จะเข้าประตูบัยตุ้ลมักดิส และกล่าวสารภาพผิดด้วยคำว่า ฮิตเฏาะฮ์ แต่พวกเขากลับไม่น้อมรับความเมตตานี้ และยังคงแสดงอาการดื้อด้านและเนรคุณต่อไป

ถ้อยคำที่ว่า (แต่บรรดาผู้อธรรมได้เปลี่ยนเอาถ้อยคำที่ไม่ได้ถูกกล่าวแก่พวกเขา) พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงเรียกเหล่าบนีอิสรออีลว่า บรรดาผู้อธรรม เนื่องจากพวกเขาดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ แต่กลับปฏิบัติตามอารมณ์ของพวกเขาเป็นที่ตั้ง

อิบนุ ฮะญัร อัลอัสก่อลานีย์ กล่าวว่า หมายถึง “พวกเขาได้เปลี่ยนจากถ้อยคำที่พวกเขาถูกใช้ให้กล่าวโดยเอาถ้อยคำที่พวกเขาไม่ได้ถูกใช้ให้กล่าวแทนที่” ฟัตฮุ้ลบารี 8/304

อบูฮุรอยเราะห์ รายงานว่า จากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

قِيْلَ لِبَنِي إسْرَائِيْلَ ( ادْخُلُوا الْبَابَ سُجَّداً وَقُوْلُوا حِطَّةٌ ) فَبَدَّلُوا فَدَخَلُوا يَزْحَفُوْنَ عَلَى أسْتَاهِهِمْ وَقَالُوا : حَبَّةٌ فِي شَعْرَةٍ


“ถูกกล่าวแก่บนีอิสรออีลว่า (พวกเจ้าจงเข้าประตูในสภาพที่แสดงคาราวะ และพวกเจ้าจงกล่าวว่า ฮิตเฏาะฮ์) แต่พวกเขาได้เปลี่ยนและเข้าไปด้วยการคลานบนบั้นท้ายของพวกเขา แล้วกล่าวว่า เมล็ดในข้าวสาลี” ศอเฮียะห์ บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 3151

ส่วนใน มุสนัด อิหม่ามอะห์หมัด ระบุว่า

عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي قَوْلِهِ عَزَّوَجَلَّ ( ادْخُلُوا الْبَابَ سُجَّداً ) قَالَ دَخَلُوا زَحْفاً ( وَقُولُوا حِطَّةٌ ) قَالَ : بَدَّلُوا فَقَالُوا حِنْطَةٌ فِي شَعَرَةٍ


“จาก ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในถ้อยคำของผู้ทรงเกียรติและสูงส่งที่ว่า (พวกเจ้าจงเข้าประตูในสภาพที่แสดงคาราวะ) ท่านกล่าวว่า พวกเขาเข้าไปในสภาพที่คลาน (และพวกเจ้าจงกล่าวฮิตเฏาะฮ์) ท่านกล่าวว่า : พวกเขาเปลี่ยนโดยกล่าวว่า ฮินเฏาะฮ์ ในข้าวสาลี” มุสนัด อิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 7762

อิบนุ ฮะญัร อัลอัสก่อลานีย์ กล่าวว่า “พวกเขาได้ฝ่าฝืนสิ่งที่ถูกใช้ทั้งคำพูดและการกระทำ โดยพวกเขาถูกใช้ให้สุญูดก่อนเข้าประตูเพื่อขอบคุณอัลลอฮ์ และให้กล่าวคำว่า ฮิตเฏาะฮ์ แต่พวกเขาได้เปลี่ยนจากการสุญูดเป็นคลาน และเปลี่ยนจากคำว่า ฮิตเฏาะฮ์ เป็น ฮินเฏาะฮ์ และยังเพิ่มข้อความต่อท้ายอีกว่า “เมล็ดในข้าวสาลี” ฟัตฮุ้ลบารี 8/304

ถ้อยคำที่ว่า (เราจึงได้ให้การลงโทษจากฟ้าลงมายังบรรดาผู้อธรรม) คำว่า رِجْزٌ ในทางภาษามีความหมายว่า สิ่งโสโครก, ความโสมม, สิ่งปฏิกูล, การลงโทษ, หรือการทรมาน ก็ได้ ดังเช่นพระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

وَيُنَزِّلُ عَلَيْكُمْ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً لِيُطَهِّرَكُمْ بِهِ وَيُذْهِبَ عَنْكُمْ رِجْزَ الشَّيْطَانِ


“และพระองค์ทรงให้น้ำฝนลงมาจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้า เพื่อทรงชำระพวกเจ้าด้วยน้ำนั้น และเพื่อขจัดให้หมดไปจากพวกเจ้าซึ่งความโสมมของชัยตอน” ซูเราะห์ อัลอัมฟาล อายะห์ที่ 11

وَالَّذِيْنَ كَفَرُوا بِآيَاتِ رَبِّهِمْ لَهُمْ عَذَابٌ مِن رِّجْزٍ أَلِيْمٌ

“และบรรดาผู้ปฏิเสธโองการแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา สำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษจากการทรมานอันเจ็บปวด” ซูเราะห์ อัลญาซิยะห์ อายะห์ที่ 11


ดังนั้นคำว่า رجز ในอายะห์นี้จึงมีความหมายว่า การลงโทษหรือการทรมานที่ให้เกิดขึ้นแก่บนีอิสรออีล ด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งบรรดานักอธิบายอัลกุรอานพยายามที่จะเฉลยว่า การลงโทษหรือการทรมานนี้เป็นแบบใด

“อัตเฏาะฮ์ฮาก กล่าวว่า จาก อิบนิ อับบาส : ทุกๆสิ่งในคัมภีร์ของอัลลอฮ์จากคำว่า “ริจญซุน” นั้นหมายถึง อะซาบ คือการทรมาน
และถูกรายงานจาก มุญาฮิด, อบีมาลิก, อัสซุดดีย์, อัลฮะซัน และ ก่อตาดะห์ ว่าหมายถึง การทรมาน เช่นเดียวกัน
อบู อัลอาลียะห์ กล่าวว่า คือความโกรธกริ้ว
อัสชะอ์บีย์ กล่าวว่า การทรมานนี้ บางทีคือโรคระบาด และบางทีก็คือความหนาวเหน็บ
สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ กล่าวว่า มันคือโรคระบาด” ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 142

การอธิบายความการลงโทษบนีอิสรออีลด้วยโรคระบาดนี้ มีการอ้างอิงคำรายงานจากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม คือ
อุซามะห์ บิน เซด รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

الطَّاعُوْنُ رِجْزٌ أوْ عَذَابٌ أُرْسِلَ عَلَى بَنِي إسْرَائِيْلَ أوْ عَلَى مَنْ كَانَ قَبْلَكُمْ فَإذَا سَمِعْتُمْ بِهِ بِأرْضٍ فَلاَ تَقْدَمُوا عَلَيْهِ وَإذَا وَقَعَ بِأرْضٍ وَأَنْتُمْ بِهَا فَلاَ تَخْرُجُوا فِرَاراً مِنْهُ

“โรคระบาดนั้นคือการทรมานหรือการลงโทษ ที่ถูกส่งมาแก่บนีอิสรออีล หรือกลุ่มชนก่อนหน้าพวกท่าน ดังนั้นเมื่อพวกท่านได้ยินว่าที่ใดมีโรคระบาดก็อย่าเดินทางไปที่นั่น และหากพวกท่านได้อยู่ในแผ่นดินที่เกิดโรคระบาด พวกท่านหนีออกจากที่นั่น” ศอเฮียะห์ มุสลิม ฮะดีษเลขที่ 4108

أنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ذَكَرَ الْوَجَعَ فَقَالَ : رِجْزٌ أوْ عَذَابٌ بِهِ بَعْضُ الأُمَمِ ثُمَّ بَقِيَ مِنْهُ بَقِيَّةٌ فَيَذْهَبُ الْمَرَّةَ وَيَأْتِي الأُخْرَى فَمَنْ سَمِعَ بِهِ بِأرْضٍ فَلاَ يُقْدِمَنَّ عَلَيْهِ وَمَنْ كَانَ بِأرْضٍ وَقَعَ بِهَا فَلاَ يَخْرُجْ فِرَاراً مِنْهُ

“ท่านรอซูลุ้ลลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม พูดถึงความเจ็บป่วยจากโรคระบาดโดยกล่าวว่า คือการทรมานหรือการลงโทษต่อบางประชาชาติ และยังคงหลงเหลืออยู่แล้วก็จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้นผู้ใดได้ยินว่าที่ใดมีโรคระบาดก็อย่าเข้าไปในที่นั้น และผู้ใดที่ในแผ่นดินที่เกิดโรคระบาดก็อย่าหนีออกจากที่นั้น” ศอเฮียะห์ บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 6459

ดังนั้นข้อความของอายะห์นี้ที่ว่า (เราจึงได้ให้การลงโทษจากฟ้าลงมายังบรรดาผู้อธรรม) คือให้เกิดโรคระบาดเพื่อเป็นการลงโทษต่อบนีอิสรออีล ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์อัลลอฮ์