ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 85


ثُمَّ أنْتُمْ هَؤُلاَءِ تَقْتُلُوْنَ أنْفُسَكُمْ وَتُخْرِجُوْنَ فَرِيْقاً مِنْكُمْ مِنْ دِيَارِهِمْ تَظَاهَرُوْنَ عَلَيْهِمْ بِالإثْمِ وَالْعُدْوَانِ وَإنْ يَأْتُوْكُمْ أُسَارَى تُفَادُوْهُمْ وَهُوَ مُحَرَّمٌ عَلَيْكُمْ إخْرَاجُهُمْ أَفَتُوْمِنُوْنَ بِبَعْضِ الْكِتَابِ وَتَكْفُرُوْنَ بِبَعْضٍ فَمَا جَزَاءُ مَنْ يَفْعَلُ ذَلِكَ مِنْكُمْ إلاَّ خِرْيٌ فِي الْحَيَاةِ الدُنْيَا وَيَوْمَ الْقِيَامَةِ يُرَدُّوْنَ إلَى أَشَدِّ الْعَذَابِ وَمَا اللهُ بِغَافِلٍ عَمَّا تَعْمَلُوْنَ


แต่แล้วพวกเจ้านั่นแหละได้สังหารตัวของพวกเจ้าเอง และขับไล่กลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้าให้ออกจากบ้านเรือนของพวกเขา โดยพวกเจ้าร่วมมือกันในการเอาชนะพวกเขา ด้วยการกระทำที่เป็นบาปและการเป็นศัตรูกัน และหากพวกเขามายังพวกเจ้าในสภาพถูกจับเป็นเชลย พวกเจ้าก็ไถ่ตัวพวกเขา ทั้งๆที่การขับไล่พวกเขานั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเจ้า หรือว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อคัมภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธอีกบางส่วนกระนั้นหรือ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดตอบแทนแก่ผู้กระทำเช่นนั้นในหมู่พวกเจ้า นอกจากความอัปยศแก่ชีวิตในดุนยานี้ และในวันกิยามะห์นั้น พวกเขาจะถูกนำกลับไปสู่การลงโทษที่หนักหน่วง และอัลลอฮ์นั้นไม่ได้เผอเรอในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำ



อิบนุ ญะรีร และ อิบนุ กะษีร ได้แจ้งมูลเหตุของการประทานอายะห์นี้ โดยอ้างคำรายงานจาก “มูฮัมหมัด บิน อิสฮาก บิน ยะซาร กล่าวว่า มูฮัมหมัด บิน อบี มูฮัมหมัด เล่าให้ฉันฟังจาก สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ หรือ อิกริมะห์ จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (แต่แล้วพวกเจ้านั่นแหละได้สังหารตัวของพวกเจ้าเอง) เขากล่าวว่า อัลลอฮ์ได้ทรงเตือนถึงการกระทำของพวกเขาว่า พระองค์ได้ทรงห้ามพวกเขาหลั่งเลือดกันเองไว้คัมภีร์อัตเตารอต และกำหนดให้พวกเขาถ่ายตัวเชลยในหมู่พวกเขา แต่ปรากฏว่าพวกเขาแยกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งคือ บนีกอยนุกออ์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ คอซรอจญ์ และอีกฝ่ายหนึ่งคือ บนีนะดีร และบนีกุรอยเซาะห์ เป็นพันธมิตรกับ เอาวซ์ และเมื่อ เอาวซ์ กับ คอซรอจญ์ ทำสงครามกัน บนีกอยนุกออ์ ก็ออกร่วมสงครามกับ คอซรอจญ์ ส่วน บนีนะดีร และ บนีกุรอยเซาะห์ ก็ออกร่วมสงครามกับ เอาวซ์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็เผชิญหน้ากันจากการให้การสนับสนุนพันธมิตรของตน จนกระทั่งพวกเขาต้องหลั่งเลือดกันเอง ในขณะที่พวกเขาก็ยึดถืออัตเตารอตและรู้ถึงข้อบัญญัติใช้และห้ามที่มีต่อพวกเขา
ส่วน เอาวซ์ และ คอซรอจญ์ นั้นคือกลุ่มคนที่ตั้งภาคี โดยสักการะเจว็ด ไม่เชื่อเรื่องนรกและสวรรค์, การฟื้นคืนชีพและวันกิยามะห์ และไม่รู้ข้อบัญญัติเกี่ยวฮะล้าลและฮารอม
และเมื่อสงครามยุติลง พวกเขาก็ไถ่ตัวเชลยศึกของพวกเขา เพื่อปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มีอยู่ในคัมภีร์อัตเตารอต ซึ่งเป็นการยึดถือเพียงบางส่วน
ฉะนั้น บนีกอยนุกออ์ จึงไถ่ตัวเชลยของตนเองจาก เอาวซ์ และ บนีนะดีร กับ บะนีกุรอยเซาะห์ ก็ถ่ายตัวเชลยของตนเองจากในการครอบครองของ คอซรอจญ์ นำไปสู่การหลั่งเลือดของพวกเขา โดยที่ต่างฝ่ายต่างถูกสังหารจากการให้การสนับสนุน กลุ่มชนที่ตั้งภาคี ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์จึงได้กล่าวเตือนพวกเขาจากเหตุดังกล่าวว่า (หรือว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อคัมภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธอีกบางส่วนกระนั้นหรือ) คือการไถ่ตัวตามข้อบัญญัติในคัมภีร์อัตเตารอต แต่ในขณะที่พวกเขาก็สังหารกันเอง ทั้งๆที่ข้อบัญญัติในอัตเตารอตห้ามมิให้กระทำเช่นนั้น และไม่อนุญาตให้ขับไล่พวกเขาออกจากบ้านเรือน และไม่ให้การสนับสนุนผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ และสักการะต่อเจว็ดนอกเหนือจากอัลลอฮ์ โดยมุ่งหวังผลประโยชน์ทางดุนยา
ในกรณีดังกล่าวนี้ คือการกระทำของพวกเขาร่วมกับ เอาวซ์ และ คอซรอจญ์ ตามที่ได้มีรายงานมาถึงฉัน เรื่องนี้จึงได้ถูกประทานลงมา” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 397 และ ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 173-174

ถ้อยคำที่ว่า (หรือว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อคัมภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธอีกบางส่วนกระนั้นหรือ) คือการไล่สังหารพวกยะฮูดด้วยกันเองและการขับไล่กันเองให้ออกจากที่อาศัย เป็นที่ต้องห้าม และการไถ่ตัวเชลยในหมู่พวกเขาเป็นคำสั่งใช้ อย่างนี้คือข้อบัญญัติแก่เหล่ายะฮูดที่ระบุอยู่ในคัมภีร์อัตเตารอต
คำว่า (ศรัทธาเพียงบางส่วน) คือ พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งใช้ในเรื่องการไถ่ตัวเชลยในหมู่พวกเขา
คำว่า (ปฏิเสธอีกบางส่วน) คือพวกเขา ฝ่าฝืนข้อบัญญัติห้ามการล่าสังหารชาวยะฮูดด้วยกันเอง และขับไล่กันเองให้ออกจากที่อาศัย

อิบนุ ญะรีร กล่าวว่า “อิบนุ ฮุมัยด์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ซะละมะห์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อิบนุ อิสฮาก เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า มูฮัมหมัด อิบนิ อบี มูฮัมหมัด เล่าให้ฉันฟังจาก สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ หรือจาก อิกริมะห์ จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (และหากพวกเขามายังพวกเจ้าในสภาพถูกจับเป็นเชลย พวกเจ้าก็ไถ่ตัวพวกเขา) แน่นอนว่าพวกเจ้าก็รู้ดีว่านี่คือข้อบัญญัติแก่พวกเจ้าในคัมภีร์ของพวกเจ้าเอง (ทั้งๆที่การขับไล่พวกเขานั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเจ้า) ในคัมภีร์ของพวกเจ้า (หรือว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อคัมภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธอีกบางส่วนกระนั้นหรือ) การแสดงภาพของการเป็นผู้ศรัทธาด้วยการไถ่ตัวพวกเขา และการแสดงภาพการเป็นผู้ปฏิเสธด้วยการขับไล่พวกเขากระนั้นหรือ
มูฮัมหมัด บิน อัมร์ เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อบูอาศิม เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อีซา เล่าให้เราฟังจาก อิบนุ อบีนะญิฮ์ จาก มุญาฮิด ในถ้อยคำที่ว่า (และหากพวกเขามายังพวกเจ้าในสภาพถูกจับเป็นเชลย พวกเจ้าก็ไถ่ตัวพวกเขา) เขากล่าวว่า หากเจ้าพบว่าเขาอยู่ในน้ำมือของผู้อื่น เจ้าก็ไถ่ตัวเขา ทั้งๆที่เจ้าไล่สังหารเขาด้วยมือของเจ้าเอง
อัลมุซันนา เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อิสฮาก เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อิบนุ อบีญะอ์ฟัร เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อบูญะอ์ฟัร กล่าวว่า ก่อตาดะห์ได้กล่าวในถ้อยคำที่ว่า (หรือว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อคัมภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธอีกบางส่วนกระนั้นหรือ) คือการขับไล่พวกเขาเป็นการปฏิเสธการศรัทธา และการไถ่ตัวพวกเขาเป็นการศรัทธา” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 399

ถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดตอบแทนแก่ผู้กระทำเช่นนั้นในหมู่พวกเจ้า นอกจากความอัปยศแก่ชีวิตในดุนยานี้) การที่เหล่ายะฮูดทำลายพันธสัญญาที่พระองค์อัลลอฮ์มีต่อพวกเขา ด้วยการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามซึ่งเป็นบัญญัติแก่พวกเขาในคัมภีร์อัตเตารอต คือการสังหารและขับไล่ชาวยะฮูดด้วยกัน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ปฏิบัติตามบัญญัติในการไถ่ตัวเชลย คือพวกเขาทำทั้งห้ามและใช้ การกระทำเช่นนี้จะไม่มีรางวัลตอบแทนใดๆแก่พวกเขา นอกจากความต่ำต้อย

คำว่า (นอกจากความอัปยศแก่ชีวิตในดุนยานี้) อิบนุ ญะรีร กล่าวว่า “ความต่ำต้อยที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงให้เกิดแก่พวกเขาในการฝ่าฝืนของพวกเขาที่ผ่านมานั้น บรรดานักวิชาการมองเรื่องนี้เป็นไปได้หลายกรณี

บางท่านกล่าวว่า คือพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงวางบัญญัติโดยประทานผ่านท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ด้วยโทษประหารให้ตายตกตามกัน และให้ผู้ถูกอธรรมเอาคืนจากผู้อธรรม
บางท่านกล่าวว่า คือการเรียกเก็บภาษีหัวแก่พวกเขา หากพวกเขาต้องการดำรงสถานภาพเดิมภายใต้การคุ้มครองแห่งรัฐอิสลาม ซึ่งเป็นความต่ำต้อยและอัปยศแก่พวกเขา
และบางท่านก็กล่าวว่า ความต่ำต้อยหรือความอัปยศที่ประสบกับพวกเขาในดุนยานี้คือ การที่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ขับไล่ชาวยิว บนีนะดีร (ซึ่งผิดสัญญา) ออกจากถิ่นฐานของพวกเขา (ในนครมะดีนะห์) และการประกาศสงครามต่อบนีกุรอยเซาะห์ อย่างนี้คือความต่ำต้อยและความอัปยศของพวกเขาในดุนยา และสำหรับพวกเขาในอาคิเราะห์คือการลงโทษอันมหันต์” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 401