ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 95


وَلَن يَتَمَنَّوْهُ أَبَداً بِمَا قَدَّمَتْ أيْدِيْهِمْ وَاللهُ عَلِيْمٌ بِالظَّالِمِيْنَ

และพวกเขาจะไม่มุ่งหวังในความตายเป็นอันขาด เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบมันไว้แล้ว
และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้อธรรม



หลังจากที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงใช้ให้ท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ท้ายทายเหล่ายะฮูด เพื่อให้พวกขาพิสูจน์คำอ้างของพวกเขาที่ว่า จะไม่มีใครได้เข้าสวรรค์นอกจากพวกยะฮูดเท่านั้น ด้วยการให้พวกเขาวิงวอนขอให้ประสบกับความตายโดยเร็ว เพื่อจะได้ทราบว่า พวกเขาจะได้เป็นชาวสวรรค์แต่เพียงฝ่ายเดียวจริงหรือไม่ หรือพวกเขาจะไม่ได้เป็นชาวสวรรค์เลย

พระองค์อัลลอฮ์ทรงเผยธาตุแท้ของพวกเขาให้ได้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่ผู้สัจจริง และคำอ้างของพวกเขาก็เป็นเท็จ เนื่องจากพวกเขาจะไม่กล้าพิสูจน์ด้วยการขอให้ตายโดยเร็วเป็นอันขาด เพราะพวกเขารู้ดีว่า มูฮัมหมัด คือรอซูลของอัลลอฮ์ ตามที่ถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัตเตารอต แต่พวกเขาก็ปฏิเสธ

พระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

قُلْ يَأيُّهَا الَّذِيْنَ هَادُوا إنْ زَعَمْتُمْ أنَّكُمْ أوْلِيَاءُ للهِ مِنْ دُوْنِ النَّاسِ فَتَمَنَّوُا الْمَوْتَ إنْ كُنْتُمْ صَادِقِيْنَ وَلاَ يَتَمَنَّوْنَهُ أبَداً بِمَا قَدَّمَتْ أيْدِيْهِمْ وَاللهُ عَلِيْمٌ بِالظَّالِمِيْنَ


“ประกาศเถิดมูฮัมหมัด โอ้บรรดาผู้เป็นยะฮูด หากพวกเจ้าอ้างว่า พวกเจ้าเป็นผู้ที่โปรดปรานของอัลลอฮ์โดยที่ไม่ใช่ผู้อื่น ฉะนั้นพวกเจ้าจงมุ่งความตายโดยเร็วเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้สัจจริง แต่ว่าพวกเขาจะไม่มุ่งหวังต่อความตายเป็นอันขาด เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ก่อนแล้ว และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รอบรู้ถึงบรรดาผู้อธรรม” ซูเราะห์ อัลญุมุอะห์ อายะห์ที่ 6-7

อิบนุ ญะรีร กล่าวว่า “อบู กุรัยบ์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อุสมาน บิน สะอี๊ด เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า บิชร์ บิน อุมาเราะห์ เล่าให้เราฟังจาก อบีวัรก์ จาก อัตเฏาะฮ์ฮาก จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (และพวกเขาจะไม่มุ่งหวังในความตายเป็นอันขาด) เขากล่าวว่า หมายถึง : โอ้มูฮัมหมัด พวกเขาจะไม่มุ่งหวังในความตายเป็นอันขาด เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่า พวกเขาโกหก และหากว่าเขาเป็นผู้สัจจริง พวกเขาก็ต้องวิงวอนขอและปรารถนาให้ความตายมาถึงพวกเขาโดยเร็ว แต่พวกเขาจะไม่ขอให้ตัวของพวกเขาประสบกับความตายเนื่องจากสิ่งที่พวกเขาประกอบไว้
อัลกอเซ็ม เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อัลฮุซัยน์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ฮัจญาจญ์ เล่าให้ฉันฟัง จาก อิบนุ ญุรอยญ์ ในถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าจงมุ่งหวังในความตายเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้สัจจริง) เขากล่าวว่า ชาวยะฮูดนั้นหนีความตายอย่างที่สุด และพวกเขาจะไม่วิงวอนขอให้ประสบกับความตายเป็นอันขาด เพราะพวกเขารู้ดีว่า มูฮัมหมัด คือนบีของอัลลอฮ์ แต่พวกเขาปกปิดมันไว้” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 427

และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้อธรรม คือ รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอกของเหล่ายะฮูดว่า พวกเขาศรัทธาจริงหรือไม่ และรู้ถึงพฤติกรรมของพวกเขาทั้งที่ปกปิดและเปิดเผย วัลลอฮุอะอ์ลัม

โดยปกติแล้ว ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ห้ามบรรดาผู้ศรัทธามิให้โอดครวญถึงความตายจากเหตุที่ประสบกับเขา ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่ประสบกับเขา หรืออื่นๆ เช่นกล่าวว่า”อยากตายๆๆ” อย่างนี้เป็นต้น ดังที่ท่านนบีได้กล่าวว่า

لاَ يَتَمَنِّيَنَّ أَحَدَكُمُ الْمَوْتَ مِنْ ضُرٍّ أَصَابَهُ فَإنْ كاَنَ لاَبُدَّ فَاعِلاً فَلْيَقُلْ اللَّهُمَّ احْيِنِي مَاكَانَتِ الْحَيَاةُ خَيْراً لِي وَتَوَفَّنِي إذَا كاَنَتِ الْوَفَاةُ خَيْراً لِي


“คนใดก็ตามในหมู่พวกเจ้าอย่าได้โอดครวญถึงความตายจากการทดสอบที่ประสบกับเขา แต่หากจำเป็นต้องกระทำเช่นนั้น ก็จงกล่าวว่า โอ้ข้าแต่อัลลอฮ์ได้โปรดให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อ หากการมีชีวิตเป็นการดีสำหรับฉัน และโปรดให้ฉันตายเถิด หากการตายเป็นความดีสำหรับฉัน” ศอเฮียะห์ บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 5239

เหตุการณ์ท้าพิสูจน์ด้วยการวิงวอนขอให้ประสบกับความตายโดยเร็วตามที่ได้กล่าวในอายะห์ที่ 94 และ95 นี้ เป็นดังเช่นเหตุการณ์ “มุบาฮะละห์” ที่เกิดขึ้นระหว่างท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กับบรรดาบาทหลวงชาวนะศอรอ

คำว่า “มุบาฮะละห์” คือการท้าสาบานให้ประสบกับความวิบัติ

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้เผชิญหน้ากับบรรดาบาทหลวงของชาวนะศอรอ หลังจากที่สารเชิญชวนสู่อิสลามของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ถูกส่งไปที่เมืองนัจญ์รอน ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของชาวนะศอรอ

ข้อความในสาสน์ของท่านนบีมีดังนี้

ด้วยนามพระเจ้าของอิบรอฮีม,อิสฮากและยะอ์กู๊บ

จากมูฮัมหมัดผู้เป็นนบีและรอซูลของอัลลอฮ์
ถึงสังฆราชแห่งนัจญ์รอนและชาวเมืองนัจญ์รอนทั้งหลาย

ข้าพเจ้าส่งความสรรเสริญพระเจ้าของอิบรอฮีม,อิสฮากและยะอ์กู๊บมายังพวกท่าน โดยข้าพเจ้าขอเชิญชวนพวกท่านสู่การสักการะต่อพระเจ้า แทนการสักการะต่อปวงบ่าว และข้าพเจ้าเชิญชวนท่านสู่การปกครองของพระเจ้าแทนการปกครองของปวงบ่าว หากพวกท่านไม่ตอบรับคำเชิญนี้ก็ต้องจ่ายภาษีคุ้มครอง และหากพวกท่านปฏิเสธข้าพเจ้าก็ขอประกาศสงคราม วัสสลาม

หลังจากที่อบูฮาริษะห์ บินอัลกอมะห์ สังฆราชแห่งเมืองนัจญ์รอนได้รับสารที่ส่งถึงแล้ว ทำให้ต้องเรียกประชุมข้าราชบริพานและประชาราษฎร์ด่วนทันที โดยในที่ประชุมซึ่งที่ประกอบด้วยบรรดานักบวช,สมณศักดิ์ ,ผู้อวุโส,และผู้ทรงเกียรติแห่งนัจญ์รอน ซึ่งต่างก็ออกความคิดเห็นกันหลากหลาย แต่ในที่สุดก็มีมติให้ส่งคณะทูตไปเจรจา
คณะทูตจำนวน 60 คน โดยมีพระสังฆราช อบูฮาริษะห์ บินอัลกอมะห์ ร่วมเดินทางมาด้วยพร้อมกับพระสังฆนายก “อากิ๊บ” และบาทหลวง “อัยฮัม” ทั้งสามนี้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาโดยพวกเขาอยู่ในชุดนักบวชเต็มยศ สวมเครื่องประดับทองเหลืองอร่าม บ้างก็แบกไม้กางเขนไว้บนบ่า
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงนคนมะดีนะห์ก็มุ่งตรงไปที่มัสยิดนบีทันที ขณะนั้นเป็นเวลาอัศร์ ท่านนบีและเหล่าศอฮาบะห์ได้ละหมาดอัศริกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาได้ให้สลามแก่ท่านนบี แต่ท่านก็มิได้ตอบรับสลามแต่อย่างใด ขณะนั้นเป็นเวลาสวดมนต์ของชาวนะศอรอพอดี พวกเขาจึงขอใช้มัสยิดของท่านนบีเป็นสถานที่สวดมนต์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าศอฮาบะห์ แต่ท่านนบีก็อนุญาตให้พวกเขาใช้สถานที่ หลัง จากพวกเขาสวดมนต์เสร็จก็ได้เริ่มเจรจาความกับท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม โดยแต่ละคนต่างก็พยายามอธิบายความเชื่อของตนเอง บ้างก็กล่าวว่า อีซาคืออัลลอฮ์,บ้างก็ว่าอีซาคือพระบุตร และบ้างก็อ้างตรีเอกานุภาพ (พระบิด-พระบุตร-พระจิต) ท่านนบีได้ฟังพวกเขาอธิบายอย่างสงบ แต่เมื่อพวกเขาพูดจบ
ท่านนบีก็กล่าวว่า “ท่านทั้งสองจงรับอิสลามเถิด”
พวกเขากล่าวว่า “เรายอมรับแล้ว”
ท่านนบีกล่าวว่า “ท่านยังไม่ได้ยอมรับหรอก จงรับรับอิสลามเถิด”
พวกเขากล่าวว่า “เรายอมรับมาก่อนท่านเสียอีก”
ท่านนบีกล่าวว่า “พวกท่านกล่าวเท็จ ท่านทั้งสองปิดกั้นอิสลามต่างหาก โดยท่านทั้งสองอ้างว่า อัลลอฮ์ทรงมีบุตร พวกท่านบูชาไม้กางเขน และพวกท่านก็กินหมู”
พวกเขากล่าวว่า “แล้วใครคือพ่อของอีซาละ มูฮัมหมัดเอ๋ย”

ท่านนบีนิ่งไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขาด้วยตัวท่านเอง แต่พระองค์อัลลอฮ์ได้ประทานอัลกุรอานมาให้ท่านนบีตอบแก่พวกเขาว่า

إنَّ مَثَلَ عِيْسَى عِنْدَ اللهِ كَمَثَلِ آدَمَ خَلَقَهُ مِنْ تُرَابٍ ثُمَّ قَالَ لَهُ كُنْ فَيَكُوْنُ الْحَقُّ مِن رَّبِّكَ فَلاَ تَكُن مِّنَ الْمُمْتَرِيْنَ


“แท้จริงอีซา ณ.ที่อัลลอฮ์นั้นก็เปรียบดังอาดำที่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน แล้วประกาศิตว่า จงบังเกิดขึ้นและเขาก็บังเกิดขึ้นมา ความจริงในเรื่องของอีซามาจากองค์อภิบาลของเจ้า ฉะนั้นเจ้าอย่าเป็นหนึ่งในหมู่ผู้สงสัย” ซูเราะห์อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 60

การสนทนายังยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยที่พวกเขาไม่ยอมรับอิสลามตามคำเชิญชวนของท่านนบี พระองค์อัลลอฮ์จึงได้ประทานอายะห์ มุบาฮะละห์ มาเพื่อให้นบีประกาศสาบานกับพวกเขาว่า ขอให้ประสบกับความหายนะหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกล่าวเท็จ

อายะห์มุบาฮะละห์

فَمَنْ حَاجَّكَ فِيْهِ مِنْ بَعْدِ مَا جَاءَكَ مِنَ الْعِلْمِ فَقُلْ تَعَالَوا نَدْعُ أبْنَاءَنَا وَأبْنَاءَكُمْ وَنِسَاءَنَا وَنِسَاءَكُمْ وَأنْفُسَنَا وَأنْفُسَكُمْ ثُمَّ نَبْتَهَلَ فَنَجْعَل لَّعْنَتَ اللهِ عَلَى الْكَاذِبِيْنَ

“ดังนั้นผู้ใดที่โต้แย้งกับเจ้าในเรื่องของอีซา หลังจากได้ที่ความรู้ได้มายังเจ้าแล้ว ก็จงประกาศเถิดมูอัมหมัดว่า พวกท่านมาพิสูจน์กันเถิด เราจะเรียกลูกๆของเราและลูกหลานของพวกท่าน บรรดาสตรีของพวกเราและบรรดาสตรีของท่าน พร้อมทั้งตัวของเราและตัวของพวกท่าน แล้วเราก็วิงวอนขอให้ประสบกับความวิบัติ โดยเราจะขอการสาปแช่งของอัลลอฮ์ให้มีแก่บรรดาผู้โกหก” ซูเราะห์อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 61

ในบันทึกฮะดีษหลายบทรายงานตรงกันว่า บาทหลวงนะศอรอต่างก็ถกเถียงกันเองว่าจะรับคำมุบาฮะละห์นี้หรือไม่ และในที่สุดพวกเขายอมรับเงื่อนไขที่จะจ่าย “ญิชยะห์” ซึ่งในบันทึกของท่านอิหม่ามบุคอรี รายงานว่า

قَالاَ إنَّا نُعْطِيْكَ مَا سَألْتَنَا وَابْعَثْ مَعَنَا رَجُلاً أَمِيْناً وَلاَ تَبْعَثْ مَعَنَا إلاَّ أَمِيْناً فَقَالَ لأبْعَثَنَّ مَعَكُمْ رَجُلاً أَمِيْناً حَقَّ أَمِيْنٍ فَاسْتَشْرَفَ لَهُ أصْحَابُ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ قُمْ يَا أبَا عُبَيْدَةَ بْنَ الْجَرَّاحِ فَلَمَّا قَامَ قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ هَذَا أَمِيْنُ هَذِهِ الأُمَّةِ

“ทั้งสองได้กล่าวว่า พวกเราจะให้ตามที่ท่านเสนอ และได้โปรดส่งคนที่ซื่อสัตย์ไปพร้อมกับพวกเรา แต่อย่าส่งผู้ใดไปกับพวกเรานอกจากผู้ที่ซื่อสัตย์เท่านั้น ท่านนบีกล่าวว่า แน่นอนเราจะส่งผู้ที่ซื่อสัตย์จริงๆไปกับพวกท่าน บรรดาศอฮาบะห์ต่างก็อยากได้รับเกียรตินี้ แต่ท่านนบีกล่าวว่า ลุกขึ้นเถิด อบูอุบัยดะห์ อิบนุลญัรรอฮ์เอ๋ย เมื่อเขาได้ลุกขึ้นยืน ท่านนบีก็กล่าวว่า นี่คือผู้ซื่อสัตย์แห่งประชาชาตินี้” ศอเฮียะห์บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 4029